BMW Vision Neue Klasse ฉายภาพอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู ยุคใหม่ 

BMW Vision Neue Klasse นอกจากเป็นรถต้นแบบ (concept car) แล้ว ยังเป็นการสื่อสารว่านี่คือแนวทางการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นใหม่ ๆ จากนี้ไป เหมือนกับจุดเริ่มต้นของ  Neue Klasse รุ่นดั้งเดิม ในช่วงทศวรรษ 1960 และถ่ายทอดออกมาเป็นรถที่ได้รับความนิยมแพร่หลายหลังจากนัั้น 

Vision Neue Klasse นอกจากภาษาการออกแบบแล้ว บรรดาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่อยู่ภายในรถ จะเป็นเหมือนกับหอสมุดกลางที่เปิดให้บีเอ็มดับเบิลยูยุคใหม่ ๆ สามารถหยิบจับไปใช้ได้ในส่วนที่เห็นว่าเหมาะสม

ซึ่งแนวทางการนำ Vision Neue Klasse ไปใช้ รุ่นแรกก็คือ iX3 โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก่อนจะตามด้วย ซีรีส์ 3 โฉมใหม่ 

Vision Neue Klasse เป็นรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมแนวคิดการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายสังเกตได้จากรายละเอียดของตัวถังของรถแบบซีดานทรงสปอร์ต และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูสบายตา

และเน้นตัวถังให้เด่นด้วยการใช้สีตัวถัง Joyous Bright ซึ่งเป็นสีขาวสว่าง แต่งประกายโทนเหลืองอ่อน ๆ ตัดกับโทนสีเข้มของชิ้นส่วนตกแต่งที่ทำจากวัสดุผสมลายหินอ่อน (Composite Marble) ด้านข้างมีเส้นสายทอดตามแนวยาวเพียงเส้นเดียว เพื่อดึงสายตาให้สังเกตเห็นจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่อยู่ในระดับต่ำ

ด้านหน้ายังคงมีเอกลักษณ์สำคัญอย่างกระจังหน้าทรงไตคู่ แต่ตีความด้วยมุมมองที่แตกต่าง โดยกระจังหน้าถูกรวมเป็นชิ้นเดียวกับไฟหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยไฟดวงเล็ก ๆ จำนวนมาก 

และที่เด่นยิ่งขึ้นคือ ไฟแต่ละดวงตั้งค่าการส่องสว่างได้แยกจากกัน ติดตั้งอยู่ใต้ผิวหน้าที่เป็นกระจกทำให้ดุมีความลึกและเล่นระดับ

ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) เป็นแถบเฉียงบริเวณด้านข้าง ทำมุมตัดกับชุดไฟหน้าหลัก และเชื่อมต่อสอดคล้องแนวคิดไปยังไฟท้ายอีกด้วย โดยไฟท้ายประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนที่ผลิตจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ

ภายในห้องโดยสารก็เน้นความโปร่งโล่งเช่นกัน และสว่างด้วยโทนสีภายในรถ พื้นผิวที่ดูสะอาดตาโดยไม่มีการตกแต่งด้วยโครเมียมหรือึหนัง ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูระยุว่ามีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย 

พวงมาลัยทรงตัดขอบบน-ล่าง จอแสดงผล Central Display แบบ OLED กลมกลืนไปกับดีไซน์ของคันเกียร์และจุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย 

บีเอ็มดับเบิลยูระบุว่าหัวใจสำคัญของห้องโดยสารคันนี้คือ เทคโนโลยี BMW Panoramic Vision ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุม BMW iDrive รุ่นใหม่

เทคโนโลยีนี้สามารถฉายข้อมูลสำคัญไปยังระดับสายตาของผู้ขับขี่ ด้วยพื้นที่การแสดงผลที่ทอดยาวตลอดความกว้างของกระจกหน้า ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเบาะหน้าสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่แสดงผลอยู่ เป็นประสบการณ์การใช้งานร่วมกันที่ไม่เหมือนใคร โดยสามารถโอนเนื้อหาจากจอแสดงผลกลางไปยัง BMW Panoramic Vision ได้อิสระ

บีเอ็มดับเบิลยู ระบุว่า Vision Neue Klasse เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้านนวัตกรรม ด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive เจนเนอเรชันที่ 6 ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ 

ขณะที่เซลล์แบตเตอรี่แบบกลมที่พัฒนาขึ้นใหม่ จัดเก็บพลังงานได้หนาแน่นกว่ารุ่นปัจจุบันถึง 20% โดยรวมแล้วต้นแบบรุ่นนี้เพิ่มระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 30% ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นสูงสุด 30% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของตัวรถในภาพรวมสูงขึ้น 25%

Vision Neue Klasse มีชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์สมรรถนะสูง 4 ชุด ทำหน้าที่ควบคุมฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ของตัวรถ โดยเมื่อนับรวมกันแล้ว มีสมรรถนะในการคิดคำนวณที่สูงกว่าระบบในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน 20 เท่าตัว 

หนึ่งในชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อว่า “Heart of Joy” เป็นชุดควบคุมที่ทำหน้าที่ควบคุมการส่งกำลังและการควบคุมตัวรถ ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า เบรก การหมุนเวียนพลังงาน รวมถึงฟังก์ชันบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวงมาลัย 

Heart of Joy จะคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่จากทุกระบบ ทุกฟังก์ชัน ประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วกว่าที่เคย และสามารถตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้โดยตรงยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของนวัตกรรมดิจิทัล คือ ระบบการเดินสายไฟเชื่อมโยงชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผ่านการออกแบบและพัฒนามาให้ลดความซับซ้อนลงในทุกด้าน เรียกว่าสถาปัตยกรรมการเดินสายไฟแบบแบ่งโซน (Zonal Wiring Harness Architecture) ช่วยลดความยาวของสายไฟ 600 เมตร ลดน้ำหนักสายไฟ 30% เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นก่อนๆ 

ชุดสายไฟต่าง ๆ จะแบ่งออกเป็นโซนตามตำแหน่งภายในตัวรถ ทั้งด้านหน้ารถ กลางตัวรถ ท้ายรถ และหลังคา โดยชุดควบคุมอิเล็คทรอนิกส์สมรรถนะสูงทั้ง 4 จะใช้การเชื่อมต่อข้อมูลแบบความเร็วสูงบริหารจัดการและรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโซนนั้น ๆ ทำให้การเดินสายไฟเชื่อมโยงอุปกรณ์ทั้งหมดแบ่งออกตามโซนได้อย่างชัดเจน

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู Vision Neue Klasse จัดที่โซน “Road to Neue Klasse”  ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 12 ตุลาคม