'เกีย'เพิ่มทางเลือก คาร์นิวัล ไฮบริด เปิดตัว ‘KIA Carnival HEV’

เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดตัว Kia Carnival HEV 7-seater ปรับลุคด้านหน้า ล้อ ออปชั่น ด้านรุ่นดีเซลหน้าเดิม ยังขายปกติ
เกีย คาร์นิวัล (Kia Carnival) เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในไทยของเกีย ตั้งแต่ยุคตัวแทนจำหน่ายคนไทย และยุคปัจจุบันที่เกียเข้ามาทำตลาดเอง เรียกได้ว่าชื่องของรถขายตัวเองได้ และได้รับการยอมรับในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถเอ็มพีวี (MPV) ที่มีประโยชน์ใช้สอยตรงกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะลูกค้าเดิมของเกีย
อย่างไรก็ตาม เกีย ยังคงมีตลาดที่ไม่ใหญ่นักและปัจจุบันยังต้องได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด รวมถึงการเข้ามาของอีวี (EV) จากจีน ที่ทำราคาได้น่าตื่นเต้น แต่อย่างไรก็ตาม เกีย ยังคงเดินหน้าที่จะเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในตลาดนี้
ล่าสุด เกีย เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าเปิดตัว คาร์นิวัล ไมเนอร์เชนจ์ และขุมพลังใหม่ ไฮบริด ในรุ่น 7 ที่นั่ง "Kia Carnival HEV 7-seater"
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร
- กำลังสูงสุด 180 แรงม้า/5,500 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร/1,500-4,500 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด 54 กิโลวัตตฺ์
- แรงบิดสูงสุด 304 นิวตันเมตร
สมรรถนะโดยรวม
- กำลังสูงสุด 245 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร
อัตราสิ้นเปลืองตาม Eco Stickeพ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร
Kia Carnival HEV มี 2 รุ่นย่อย คือ
- Kia Carnival HEV 7-seat Luxury
- Kia Carnival HEV 7-seat Premium
โดยปรับเปลี่ยนรายละเอียดจากรุ่นปัจจุบัน หลัก ๆ คือ ด้านหน้าที่ดูพรีเมียมและสปอร์ตมากขึ้นประกอบด้วย
- กระจังหน้าแบบ Tiger nose
- โคมไฟหน้ารูปแบบใหม่
- ไฟ LED ดีไซน์ดวงไฟทรงลูกบาศก์ โดยรุ่น Luxury กับ Premium แตกต่างกันตรงที่รุ่น Luxury ไฟเลี้ยวจะอยู่บนเป็นแนวยาวร่วมกับไฟขับขี่กลางวัน หรือ Daytime Running Light ขณะที่ Premium จะเป็นไฟทรงลูกบาศก์ดวงล่างสุด
- ด้านท้ายออกแบบใหม่
- ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
- ติดตั้งแร็คหลังคาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รองรับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า (HUD) ขนาด 11 นิ้ว (รุ่น Luxury)
- กระจกมองหลังแบบดิจิทัล (รุ่น Luxury)
- ถุงลมระหว่างผู้ขับกับผู้โดยสารด้านหน้า (รวมทั้งหมด 8 ตำแหน่ง)
- เซ็นเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดด้านข้าง
- ระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยจอด
ส่วนออปชั่นเด่นอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว เช่น ประตูสไลด์ไฟฟ้า ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ตัวรถโดยที่มีกุญแจ Smart Key อยู่ด้วย ซันรูฟ 2 ตำแหน่ง Dual Sunroof (รุ่น Luxury)
จอโค้งแบบพาโนรามิก รวมจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้ว กับหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ไว้ด้วยกัน มีระบบเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย และฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิได้แบบแยกอิสระทั้งโซนด้านหน้าฝั่งซ้าย-ขวา และโซนด้านหลัง สวิตช์สลับการควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบปรับอากาศ
พอร์ต USB-C มาตรฐาน รวม 6 พอร์ต ลำโพง BOSE รอบคัน 12 จุด (รุ่น Luxury) ไฟเรืองแสง Ambient Light 64 เฉดสี 5 ตำแหน่ง ครอบคลุมคอนโซลและประตู (รุ่น Luxury)
เบาะผู้ขับมาพร้อมระบบจดจำตำแหน่งและระบบ Welcome Seat สำหรับผู้ขับ (รุ่น Luxury) เบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งแถวที่ 2 ติดตั้งระบบระบายอากาศและระบบอุ่นเบาะ (รุ่น Luxury) เบาะผู้โดยสารแถวสองเป็นแบบ Relaxation Seat เบาะรองขาแบบปรับไฟฟ้า มีโหมด One-touch Relaxation ที่สั่งงานด้วยการกดเพียงครั้งเดียว (รุ่น Luxury)
แต่รุ่น Premium จะได้เบาะนั่งแถว 2 แบบถอดได้ และติดตั้งกลับด้าน หันหน้าเข้าหาเบาะนั่งแถวที่ 3 ได้
แต่ทั้ง 2 รุ่น สามารถเดินผ่านเบาะนั่งแถว 2 เข้าไปยังแถวที่ 3 ได้ หรือ Walkthrough access
จุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสําหรับเด็ก (ISOFIX) 4 ตำแหน่ง โดยอยู่ที่เบาะแถว 2 จุด และอีก 2 จุดบนเบาะแถวสาม
ด้านระบบความปลอดภัยใส่เข้ามาเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น รวมถึง ADAS ที่มีระบบการทำงานประกอบด้วย
- ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบป้องกันการชนด้านหน้า พร้อมตรวจจับรถยนต์ คนและจักรยาน พร้อม junction Assist
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองช้าง
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ
- ระบบแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง
- ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร
- ระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยจอด
- ระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง
ราคาจำหน่าย
KIA Carnival HEV Premium 7-Seater 2,499,000 บาท
KIA Carnival HEV Luxury 7-Seater 2,699,000 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้เกีย จะเปิดตัว คาร์นิวัล ไฮบริด แต่สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร โฉมเดิมก็ยังทำตลาดควบคู่กันไป







