เปิดราคา Suzuki FRONX นำเข้าอินโดนีเซีย เริ่มต้น 689,000 บาท

ซูซูกิ เปิดตัว Suzuki FRONX (ซูซูกิ ฟรองซ์) อย่างเป็นทางการ 3 รุ่นย่อย 2 ทางเลือกขุมพลัง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และไมล์ด ไฮบริด หวังดันตลาดยอดขายปีนี้โต 41%
Suzuki FRONX (ซูซูกิ ฟรองซ์) เป็นรถ บี-เอสยูวี นำเข้าจากอินโดนีเซีย โดยมี 2 ขุมพลังทางเลือก
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร (K 15B) กำลังสูงสุด 105 แรงม้า / 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร / 4,400 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร (K 15C) หัวฉีดคู่ Smart Hybrid Vehicle ซึ่งเป็นไมล์ด ไฮบริด 101 แรงม้า/ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร / 4,400 รอบต่อนาที
ซูซูกิ ฟรองซ์ เปิดตัวรวม 3 เกรด ประกอบด้วย
เครื่องยนต์ K15 B 1 รุ่นคือ
- GL เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา 689,000 บาท
เครื่องยนต์ K15 C 2 รุ่นคือ
- GLX เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 749,000 บาท
- GLX PLUS เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 799,000 บาท
ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง ทอร์ชั่น บีม ดิสค์เบรกหน้า ด้านหลัง ดรัมเบรก ติดตั้งยางขนาด 195/60 R16 ทุกรุ่นย่อย
มิติตัวถัง
- ยาว 3,995 มม.
- กว้าง 1,765 มม.
- สูง 1,550 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,520 มม.
- ความสูงใต้ท้องรถ 170 มม.
- รัศมีวงเลี้ยว 4.8 เมตร
สำหรับรายละเอียดการออกแบบและออปชั่นหลัก ๆ เช่น ไฟหน้าพร้อมไฟขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light) กระจังหน้าเน้นความพรีเมียมด้วยลายเส้นโครเมียม ไฟท้าย LED ในรุ่นท็อป เชื่อมต่อเต็มแนว
ที่ปัดน้ำฝนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยรุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลางปรับตั้งแบบหน่วงได้ รุ่นท็อปปรับตั้งเวลาได้ และมีไล่ฝ้ากระจกหลังทุกรุ่น
ราวหลังคาและเสาอากาศแบบครีบฉลามติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น
ภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต พร้อมแพดเดิลชิฟท์ (รุ่นกลาง และรุ่นท็อป)
ทั้งนี้การปรับพวงมาลัย รุ่นเริ่มต้นกับรุ่นกลาง ปรับขึ้น-ลง รุ่นท็อป ปรับ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง ใกล้-ไกล
จอมอนิเตอร์แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว (รุ่นเริ่มต้น 7 นิ้ว) รองรับ แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง โดยรุ่นกลางและท็อปได้ทวีตเตอร์คู่หน้าเพิ่ม
กระจกไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นได้คู่หน้า รุ่นท็อป 4 บาน ฝั่งผู้ขับขึ้น-ลง อัตโนมัติทุกรุ่นย่อย
ระบบ Keyless Push Start ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี และสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีช่องแอร์ และยูเอสบีไว้ให้เช่นกัน
เบาะผู้ขับปรับขึ้น-ลง เบาะหลังปรับได้ 60:40 ได้ทุกรุ่น วัสดุหุ้มเบาะและแผงข้างประตู รุ่นท็อปเป็นหนังสังเคราะห์ อีก 2 รุ่นเป็นผ้า
ส่วนด้านความปลอดภัยให้ออปชั่นมาไม่น้อย (แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย) เช่น เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย Suzuki Safety Support โดยรุ่นท็อป ประกอบด้วย
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- จอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกบังลมหน้า (HUD)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keep Assist:LKA)
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning:LDW)
- ระบบป้องกันรถออกนอกช่องทาง (Lan Departure Prevention:LDP)
- รเบบเตือนเมื่อรถส่าย
- ระบบเตือนสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตา
- ระบบเตือนเมื่อรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
- เซนเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน
โดยออปชั่น Suzuki Safety Support ทั้งหมดนี้ สำหรับรุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลาง จะได้เฉพาะ เซนเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือนเท่านั้น
และสำหรับรุ่นกลางจะได้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แต่ไม่ใช่แบบแปรผันเหมือนรุ่นท็อป
ส่วนออปชั่นอื่นๆ ที่ติดตั้งมาครบทั้ง 3 รุ่นย่อย คือ
กล้องมองหลัง
ถุงลม 6 ตำแหน่ง
คานกันกระแทกด้านหน้า
เบรก เอบีเอส
ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ไฟเบรกดวงที่ 3
สัญญาณเตือนภัย
จุดล็อกที่นั่งเด็ก
และการเปิดตัว ฟรองซ์ จะเป็นหนึ่งในการผลักดันยอดขายซูซูกิในประเทศไทย ให้ได้ 8,000 คัน ในปีนี้ หรือเติบโตขึ้น 41% จากปี 2567
ทั้ง 3 รุ่นย่อย มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี คือ
- ขาว Pearl Snow White
- เงิน Sky Silver Metallic
- เทา Metallic Magma Grey
- ดำ Cool Black Metallic
- เงิน Savanna Ivory Metallic
และในส่วนของรุ่น GLX PLUS ยังมีตัวเลือก ทูโทน อีก 3 สี คือ
- ขาว/ดำ Pearl Snow White/Cool Black Metallic
- เงิน/ดำ Savanna Ivory Metallic / Cool Black Metallic
- น้ำเงิน/ดำ Ice Grrayish Blue Metallic / Cool Black Metallic
ส่วนเงื่อนไขการซื้อขาย ซูซูกิ เปิดแคมเปญสำหรับผู้ที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน-31 ธันวาคม 2568 ประกอบด้วย
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99%
- ประกันภัยชั้น 1 ปีแรก
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี
ซูซูกิ ฟรองซ์ ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกภายใต้แผนธุรกิจใหม่ของซูซูกิ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ หลังการประกาศยุติสายการผลิตโรงงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่สิ้นสุดปี 2568 เป็นต้นไป และจะหันไปทำตลาดรถนำเข้า 100%
โดยแหล่งนำเข้าหลักคือ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฐานการผลิต และตลาดใหญ่ของซูซูกิ โดยการนำเข้าจะได้สิทธิพิเศษด้านภาษีนำเข้าจากเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า ที่ 0%
โดยอินโดนีเซียจะเป็นแหล่งนำเข้าหลักในตลาด แมส (mass) แต่ขณะเดียวกัน ซูซูกิ ก็มีแผนที่จะนำเข้ารถกลุ่มพิเศษจากแหล่งผลิตอื่น ๆ
ส่วนรถที่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ Unique จะนำเข้าจากหลายแห่ง เช่น ญี่ปุ่น หรือ อินเดีย เช่น ซูซูกิ จิมนี่ หรือรถพลังงานไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะเริ่มต้นจาก วีทาร่า อี
ซูซูกิ ประเทศไทย ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนแหล่งที่มาของรถแล้ว ยังมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพิ่มทางเลือกมากขึ้น และภายในปี 2568 นี้จะเปิดตัวรถใหม่อย่างน้อย 2 รุ่น
ทั้งนี้แนวทางการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะสอดคล้องไปกับความต้องการของลูกค้า และกระแสของโลก โดยเฉพาะการก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรืออีวีและลูกผสมอย่างไฮบริดโดยช่วงแรกมีแผนทำตลาด 4 รุ่น







