เปิดสเปค โตโยต้า 'bZ4X' อีวี เอสยูวี 2 ตัวเลือก พร้อมส่งมอบ พ.ย.

โตโยต้า เปิดให้ลูกค้าจองสิทธิซื้อ รถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) "bZ4X" เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของรถ เพียงแต่ระบุคร่าว ๆ ว่า มี 2 รุ่นย่อย และราคาเบื้องต้น ประกอบด้วย  

• bZ4x FWD ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 1,5XX,XXX บาท
• bZ4x AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,6XX,XXX บาท

ซึ่งดูเหมือนจะได้รับการตอบรับที่ดีไม่น้อยจากลูกค้า ด้วยยอดจองที่ทะลุหลักพันคันไปแล้วหลังเปิดจอง 3 วัน  ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในตลาดอีวีที่ดุเดือด โดยเฉพาะการไหลบ่าเข้ามาของอีวี จีน 

การตอบรับแน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากความเป็นโตโยต้าที่อยู่ในตลาดประเทศไทยมายาวนาน มีเครือข่ายการจำหน่ายและบริการมากที่สุด 450 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าจำนวนไม่น้อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แม้จะบอกกันว่า อีวี ต้องการการดูแลรักษาที่น้อยกว่ารถที่ยังใช้เครื่องยนต์ก็ตาม

ขณะเดียวกัน แม้ว่าระดับราคาจะไม่ได้เปรียบรถจากจีน แต่เชื่อว่าลูกค้าหลายคนก็มององค์ประกอบอื่น ๆ ในภาพรวมด้วยเช่นกัน

และเมื่อพูดถึงราคา bZ4X  ที่จะเปิดตัวครั้งนี้เป็นรุ่น ไมเนอร์เชนจ์ ที่มีระดับราคาต่ำกว่ารุ่นเดิมที่โตโยต้าเคยนำเข้ามาตลาดล็อตเล็ก ๆ 132 คัน เมื่อปี 2565 กับพันธมิตรใกล้ชิด เช่น ตัวแทนจำหน่าย นัยว่าเป็นการทดสอบตลาด และสร้างการรับรู้แก่ลูกค้า

bZ4X ที่นำเข้ามาในปี 2565 เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,836,000 บาท 

 

โดย bZ4X ไมเนอร์เชนจ์ มีขนาดตัวถัง

• ยาว 4,690 มม.
• กว้าง 1,860 มม.
• สูง 1,650 มม
• ความยาวช่วงล้อ 2,850 มม.

ส่วนรายละเอียดของรถปรับเปลี่ยนจากรุ่นเดิมบางส่วน ทั้งการดีไซน์ให้ลงตัวมากขึ้น และการใช้สอย เช่น 

การออกแบบด้านใหม่กับแนวคิด Hammerhead เวอร์ชั่นล่าสุด โดยกระจังหน้ามีความเหลี่ยมสันมากขึ้น ปรับเปลี่ยนกรอบไฟใหม่ ติดตั้งไฟสำหรับขับขี่กลางวัน หรือ  Daytime Running Light รูปทรงตัว C ที่แยกกับไฟหน้าหลักที่เป็นแอลอีดีที่ย้ายตำแหน่งใหม่

ล้ออัลลอย 20 นิ้วลายใหม่ มาพร้อมยาง 235/50 R20 ไฟท้ายแอลอีดี ไม่ได้ปรับเปลี่ยน 

ส่วนการพัฒนาตัวรถโดยรวม เพิ่มวัสดุซับเสียง เพื่อลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เช่น กระจก Acoustic กระจกหน้าต่างคู่หน้า, วัสดุโฟมที่โครงตัวถัง, ท่อเก็บเสียงซุ้มล้อในห้องโดยสาร, เพิ่มประสิทธิภาพการซีลของกระจกบานหลัง เป็นต้น

พัฒนาระบบ Aerodynamics ที่สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย ฝาครอบใต้ท้องรถ กระจกมองข้าง เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสาร ช่องปรับอากาศกลมกลืนไปกับแผงคอนโซลหน้า ติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศ หรือ  Ambient Light เลือกได้ 64 เฉดสี

คอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น หรือ double deck ออกแบบใหม่เพื่อรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 2 ตำแหน่ง

เพิ่มวัสดุบุนุ่ม หรือ soft touch จอมอนิเตอร์ใหญ่ขึ้นจาก 12.3 นิ้ว เป็น 14 รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

เบาะไฟฟ้าคู่หน้า จากเดิมมีเฉพาะฝั่งผู้ขับขี่เท่านั้น และหลังคากระจก พาโนรามิก มูนรูฟ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งกว้างขวางของห้องโดยสาร 

โตโยต้า ระบุว่า bZ4X ออกแบบห้องโดยสารแบบ Cockpit เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ลดการละสายตาจากท้องถนน

 

ส่วนจุดเด่นอื่น ๆ ในห้องโดยสาร ที่มีอยู่แล้ว เช่น 

• สวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire
• ระบบเสียงและลำโพง JBL จำนวน 9 ดอก
• จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) 7 นิ้ว
• กระจกมองหลังแบบดิจิทัล (Digital Rear View Mirror)

• เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ หรือ Auto Brake Hold
• ช่องต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

• หน้าต่างไฟฟ้า ระบบ Jam-protection ทั้ง 4 บาน
• ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated
• เบาะหนังสังเคราะห์  คู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง 
• เบาะผู้ขับสามารถบันทึกตำแหน่งเบาะและกระจกมองข้าง
• เบาะหลัง แยกพับได้แบบ 60:40 พนักพิงปรับเอนได้ 1 ระดับ

• พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
• ที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ
• ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย ขวา
• ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe
• ระบบกรองฝุ่น PM2.5
• พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่

Toyota bZ4X ติดตั้งแบตเตอรี ลิเธียมไอออน ความจุ 73.11 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับการขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 600 กม. ในรุ่น FWD และลดลงมาเล็กน้อยในรุ่น AWD ที่ 570 กม. (มาตรฐาน NEDC)

 

สมรรถนะ รุ่น  FWD 

• กำลังสูงสุด 224 แรงม้า (PS)
• อัตราเร่ง 0-100 กม. /ชม. 7.4 วินาที

สมรรถนะรุ่น AWD

• กำลังสูงสุด 343 แรงม้า (PS)
• อัตราเร่ง 0-100 กม. /ชม. 5.1 วินาที

อย่างไรก็ตามโตโยต้า ระบุว่าข้อมูลกำลังสูงสุด รวมและระยะทางวิ่งสูงสุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยอยู่ระหว่างการรับรองขั้นสุดท้าย

การชาร์จไฟ

• กระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 22 kW ระยะเวลาการชาร์จ10%-100%  3.5 ชั่วโมง
• กระแสตรง DC CCS2 - กำลังสูงสุด 150 kW ระยะเวลาการชาร์จ 10-80% 28 นาที

ทั้งนี้การชาร์จไฟแบบ AC คิดจากไฟ 3 เฟส ด้วยกระแสสูงสุด 32 แอมป์ต่อเฟส (รวมสูงสุด 96 แอมป์)

ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี ใช้ระบบหล่อเย็นร่วมกับระบบปรับอากาศ มีวงจรแยกกับระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร

ทั้งนี้ bZ4X พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม e-TNGA เน้นความแข็งแกร่ง ปลอดภัย มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ใต้พื้นรถ

ด้านการขับขี่และการใช้งาน ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เป็นแบบแบบ X-Mode ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน ทางลาดชัน

ส่วนแป้นควบคุมแรงหน่วงเบรก (Paddle Shift) เลือกระดับการลดความเร็วได้ 4 ระดับ

พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 ม.

ช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัทพร้อมคอยล์สปริง ด้านหลัง แบบดับเบิลวิชโบน ดิสค์เบรก 4 ]้อ 

 

ด้านความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่

• ถุงลม 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลม ถุงลมระหว่างผู้ขับแและผู้โยสารด้านหน้า และถุงลมป้องกันหัวเข่าผู้ขับ
• ระบบช่วยจอด (Intelligent Parking Assist) ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีกล้องมองรอบคัน (PVM) และเซ็นเซอร์
• ติดตั้ง Toyota Safety Sense มีฟังก์ชั่นการทำงาน ประกอบด้วย 
• ระบบความปลอดภัยก่อนการชน
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ All-Speed
• ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน

• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
• กล้องมองรอบคัน
• ระบบช่วยเตือน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ
• ระบบแจ้งเตือนลมยาง

• สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
• ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
• ระบบป้องกันล้อล็อก หรือ ABS
• พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA
• ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

สีตัวถัง 4 สี จับคู่กับภายใน 2 สี

• สีเทาหลังคาดำ Precious Metal with Black Roof ภายในสีดำ
• สีขาวมุกหลังคาดำ Platinum White Pearl with Black Roof ภายในสีดำ
• สีแดงหลังคาดำ Emotional Red with Black Roof ภายในสีดำ
• สีดำ Attitude Black Mica ภายในสีเทาอ่อน