ยูเน็กซ์ ดีเดย์เปิดสถานีสลับแบตฯ อีวี เล็งรุกรถบรรทุก หัวลาก ตปท.

ยูเน็กซ์ อีวี ประเดิมเปิดบริการสถานีบริการสลับแบตเตอรี อีวี แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กระทู้ ภูเก็ต เตรียมขยายสาขา ย่านดอนเมือง สุวรรณภูมิ
ปี 2567 ที่ผ่านมาตลาดรถพลังงานไฟฟ้าหรือ อีวี (EV) ไม่เป็นไปตามที่คาดหมายว่าจะเติบโตต่อเนื่องและโดดเด่น โดยติดลบประมาณ 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นปีที่ อีวี เติบโตแบบเขย่งก้าวกระโดด เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าปีที่ผ่านมาจสูงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามครึ่งปีแรกปีนี้ตลาด อีวี กลับมาเติบโต แม้ไม่สูงนัก ประมาณ 3%
แต่ตลาดอีวีก็ยังคงได้รับความสนใจจากทั้งแบรนด์ใหม่ และแบรนด์เดิมอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้เฉพาะตลาดบุคคลทั่วไป ไม่ได้มีเฉพาะรถส่วนบุคคล แต่รถกลุ่มอื่น โดยเฉพาะรถกลุ่มรถสาธารณะ เชิงพาณิชย์ ทั้งรถขนาดเล็ก รถโดยสาร รถบรรทุก
แน่นอนว่า ความประหยัดในการใช้งานจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ต่ำกว่าเป็นหนึ่งในสิ่งจูงใจหลักให้ใช้งาน อีวี
แต่อีวีก็มีจุดอ่อนสำคัญ คือ ความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะรถบริการสาธารณะ รถใช้งานเชิงพาณิชย์ ที่ต้องใช้งานในและวันนาน ๆ และไกล
ที่ผ่านมามีหลายบริษัท หลายองค์กร พยายามแก้ปัญหานี้ ทั้งแก้ไขในภาพรวม หรือ เฉพาะธุรกิจของตนเอง ส่วนใหญ่คือสร้างสถานีชาร์จในพื้นที่ตนเอง หรือ พันธมิตร เช่น สหกรณ์ โรงงาน ศูนย์ขนส่งสินค้า
ขณะที่กลุ่มรถจักรยานยนต์สาธารณะ มีความแตกต่างออกไป เพราะมีผู้ดำเนินธุรกิจสับเปลี่ยนแบตเตอรี (swap) ให้บริการหลายพื้นที่ ทำให้ไม่ต้องรอชาร์จ
สำหรับรถยนต์ ก่อนหน้านี้จำเป็นต้องพึ่งหัวชาร์จ สถานีชาร์จเท่านั้น แต่ขณะนี้เริ่มต้นมีบริการสลับแบตเตอรีเรียบร้อยแล้ว
นั่นคือการเริ่มต้นธุรกิจสถานีสลับแบตเตอรีของ ยูเน็กซ์ อีวี (UNEX EV) ที่ร่วมมือกับ ยู เพาเวอร์ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการแห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ที่อำเภอถลาง ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวสำคัญและมีการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่น้อย โดยเฉพาะรถบริการสาธารณะ
สถานีบริการแห่งแรกใช้งบลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท รวมถึงแบตเตอรีสำรอง ซึ่งมี 8 ชุด โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนแบตเตอรีประมาณ 3 นาที และสามารถเปลี่ยนได้แม้ผู้ขับขี่จะยังคงนั่งอยู่ในรถ
ทั้งนี้ความสนใจในการนำธุรกิจสลับแบตเตอรีเข้ามาในไทย ก็เพื่อแก้จุดอ่อนของการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ อีวี ที่ทั่วไปจะต้องใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรีที่ยาวนาน แม้จะเป็นการชาร์จแบบเร็ว หรือ DC ก็ตาม ทำให้เสียเวลาไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มรถบริการสาธารณะที่มีความต้องการใช้งานรถอย่างต่อเนื่อง
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ยูเน็กซ์ อีวี ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดนี้ โดยเริ่มต้นกับกลุ่มรถบริการสาธารณะ
แต่แน่นอนว่าในอนาคตเป้าหมายของบริษัทจะรวมถึงการขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน แต่การที่ช่วงเริ่มต้นเน้นรถบริการสาธารณะก่อน เนื่องจากรุ่นรถที่สามารถสลับแบตเตอรีได้ในปัจจุบันยังมีน้อย คือ เอ็มจี อีพี และ เอ็มจี แม็กซัส 7 ที่เป็นพันธมิตรกัน
แต่ขณะนี้พบว่าเริ่มมีผู้ประกอบการอีวีหลายแบรนด์สนใจในแนทางนี้ และเข้ามาเจรจารายละเอียดธุรกิจกับยูเน็กซ์ อีวี
ทั้งนี้สำหร้บรถที่สามารถสลับแบตเตอรีได้ จะมีต้นทุนเพิ่มจากรถรุ่นปกติไม่มากนัก ประมาณ 6-7% เท่านั้น
ส่วนการให้บริการในช่วงเริ่มต้นนี้ ใช้รูปแบบสำหรับการการบอกรับสมาชิก โดยบริษัทจะเป็นผู้ดูแลแบตเตอรีทั้งหมด ขณะที่ลูกค้ามีหน้าที่ในการใช้งานและนำรถมาเปลี่ยนแบตเตอรีเมื่อกำลังไฟใกล้หมดเท่านั้น และมีแพคเกจค่าใช้จ่าย 4 แพคเกจหลักให้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนแต่ละวัน
ส่วนตัวรถก็มีทางเลือกในการเป็นเจ้าของที่เน้นให้เข้าถึงง่าย เช่น ไม่มีเงินดาวน์ และผ่อนชำระวันละไม่มากนัก
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริการ ยูเน็กซ์ อีวี กล่าวว่า ธุรกิจนี้ยังส่งผลด่ีต่อผู้ใช้รถ นอกจากความรวดเร็วในการสลับแบตเตอรีก็คือ ลดความกังวลในประสิทธิภาพของแบตเตอรีเนื่องจากถือเป็นสินทรัพย์ของยูเน็กซ์ที่จะต้องดูแล
และการสลับแเบตเตอรีแต่ละครั้ง ทำให้ทีมงานสามารถตรวจสอบความผิดปกติต่าง ๆ ได้ เช่น มีรอยขูดข่วน กระแทก เสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ ทำให้ผู้ขับมีความมั่นใจในความปลอดภัยในการใช้งาน
“ปกติคนใช้รถอีวี การตรวจสอบอาจจะใช้ครึ่งปีหรือ 1 ปี ครั้ง แต่การสลับแบตเตอรีจะตรวจสอบทุกครั้ง อีกทั้งอายุการใช้งานจะยาวขึ้น ต่างจาการชาร์จเร็วท่ี่แบตเตอรีจะเสื่อมเร็วกว่า”
ส่วนแผนธุรกิจของยูเน็กซ์ อีวี หลังจากนี้คือ การขยายสถานีเพิ่มเติม โดยจะเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ก่อน ทำเลดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ซึ่งมีรถบริการสาธารณะ อีวี ให้บริการจำนวนมาก จากนั้นจะกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมต่อไป
ส่วนจำนวนรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการคาดว่าภายในปีนี้จะมีมากกว่า 1,000 คัน
รวมถึงเตรียมขยายไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเริ่มเข้ามาหารือในรายละเอียด ทั้งในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเริ่มต้นที่สิงคโปร์เป็นแห่งแรกช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2569
ไม่เพียงแค่รถยนต์ขนาดเล็ก เป้าหมายต่อไปของยูเน็กซ์อีวี ก็คือ การให้บริการรถบรรทุก รถหัวลาก ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ และมีแบรนด์รถบรรทุกหลายรายเข้ามาเจรจา คาดว่าจะเริ่มต้นได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะมีสร้างผลดีให้เกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งผู้ประกอบการขนส่งที่จะลดต้นทุนลงได้มาก
และยังทำให้ต้นทุนโดยรวมด้านโลจิสติกส์ลดลง จากปัจจุบันที่ต้นทุนอยู่ระดับที่สูงประมาณ 13% ซึ่งทำให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วย แต่หากใช้รูปแบบการสลับแบตเตอรีจะลดลงมาอยู่ในระดับ 9-10%
ส่วนเป้าหมายของธุรกิจสลับแบเตอรีรถบรรทุก รถหัวลาก จะเน้นการใช้งานระยะสั้นประมาณ 150-200 กม. เช่น ลาดกระบัง แหลมฉบัง คือ พื้นที่ อีอีซี เนื่องจากแบตเตอรีรถบรรทุกจะมีน้ำหนักมากและราคาแพง หากใช้แบตเตอรีที่มีความจุมากเกินไป นอกจากจะมีค่าใช้จ่ายสูงแล้ว น้ำหนักที่มากจะทำให้ความสามารถในการบรรทุกสินค้าลดลง
โดยแบตเตอรีที่มองว่ามีความเหมาะสมคือ ความจุประมาณ 282 กิโลว้ตต์ชั่วโมงซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 3 ตัน
ทั้งนี้ยูเน็กซ์ อีวี มองว่าในอนาคต ความนิยมในการสลับแบตเตอรีของกลุ่มรถบรรทุกจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้มาก และยังตอบสนองหลายองค์กรที่ต้องการดำเนินธุรกิจให้เป็นองค์กรสีเขียวอีกด้วย
ส่วนการลงทุนสถานีสลับแบตเตอรีรถบรรทุก รวมแบตเตอรีสำรองคาดว่าจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท
สำหรับ ยูเน็กซ์ อีวี เป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นที่อัมสเตอร์ดัม มีเป้าหมายธุรกิจคือการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าสลับแบตเตอรี่ที่ครบวงจร ครอบคลุมทั้งรถโดยสาร รถเพื่อการพาณิชย์ รถจักรยานยนต์ โดรน และเรือไฟฟ้า
โดยมีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและระบบจัดการฟลีทด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีศูนย์ดำเนินงานในโปรตุเกส เปรู เม็กซิโก จีนและไทย
ส่วน ยู เพาเวอร์ ก่อตั้งในปี 2556 เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่ด้วยระบบสลับแบตเตอรี่อัจฉริยะ UOTTA และเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในโลกที่จดทะเบียนใน Nasdaq (UCAR) สำหรับเทคโนโลยีนี้







