คอนติเนนทอล เปิดตัว เซ็นเซอร์ มอเตอร์ อีวี ลดคลาดเคลื่อน แร่หายาก

คอนติเนนทอล ผู้ผลิตชิ้ันส่วน และเทคโนโลยี ยานยนต์รายใหญ่ จากเยอรมนี ขยับตัว พัฒนา เซ็นเซอร์ วัคความร้อน มอเตอร์ หวังยกระดับการทำงาน รถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหลายตลาด แม้ช่วงนี้จะชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่ามีทิศทางการเติบโต
การชะลอการเติบโตมาจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ การตลาด รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งมักจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเกิดความลังเล หรือรอดูของใหม่ก่อน
พูดง่ายๆ ว่า อีวี เป็นเทคโนโลยี ที่ยังไม่นิ่ง
เทคโนโลยี เกี่ยวกับอีวี หลักๆ คือ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และอินเวอร์เตอร์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและลูกค้าลังเลมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่คาดหวังว่าจะมีความจุที่เพิ่มขึ้น รองรับการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งยาวไกลขึ้น แต่ลดระยะเวลาการชาร์จ ลดน้ำหนัก และราคาที่ลดลง
แต่จริงๆ แล้วเทคโนโลยี อีวี ปัจจุบัน คือ การบริหารจัดการแบตเตอรี่ ซึ่งบางครั้งผู้บริโภคอาจไม่ได้ใส่ใจมากนัก โดยความแตกต่างของการบริหารจัดการสะท้อนออกมาในเรื่องความเสถียรในการใช้งาน แบตเตอรี่ให้ประสิทธิภาพตั้งแต่เต็ม 100% จนใกล้หมดไม่ต่างกัน หรือต่างกันเล็กน้อย รองรับการใช้งานหนัก การขับขี่ด้วยความเร็วต่อเนื่อง หรือ อัตราการสูญเสียพลังงานที่เสถียร ไม่ใช่ลดฮวบจนใจหายเมื่อความจุเหลือน้อย ทำให้ต้องเร่งหาจุดชาร์จ แบบไม่ทันตั้งตัว
การบริหารจัดการเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนสำคัญ ดังนั้นบางทีรถที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน ความจุแบตเตอรี่ใกล้ๆ กัน แต่ทำไมราคาถึงได้ต่างกันมาก
และนี่คือตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ยังไม่นิ่ง
การระบายความร้อน เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการใช้งาน อีวี ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากแบตเตอรี่หรือมอเตอร์ขับเคลื่อน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตพยายามหาทางจัดการเรื่องนี้ให้ได้ดีที่สุด เพื่อความเสถียรในการใช้งาน
แน่นอนว่าองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการจัดการกับความร้อน คือ ต้องรู้ก่อนว่าอุณหภูมิที่แท้จริงขณะใช้งานนั้นเป็นอย่างไร
ล่าสุดผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของโลกจากเยอรมนี “คอนติเนนทอล” เปิดตัวเซนเซอร์วัดความร้อนตัวแรกในมอเตอร์ อีวี โดยระบุว่ามันเป็นเซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง และเป็นทางเลือกที่แม่นยำกว่าการคาดการณ์ความร้อนด้วยอัลกอริทึมในมอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวรของยานยนต์ไฟฟ้า
เป็นเซนเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี eRTS ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ หน่วยเซนเซอร์วัดอุณหภูมิแบบไร้สายและทรานสดิวเซอร์ ซึ่งติดตั้งใกล้กับแม่เหล็กภายในมอเตอร์
ทรานสดิวเซอร์ที่ติดตั้งอยู่นอกตัวมอเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเชื่อมต่อกับหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และทำหน้าที่ส่งข้อมูลอุณหภูมิผ่านอินเทอร์เฟซการสื่อสาร
บิน หัว หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยเชิงปกป้องและเซนเซอร์ (Passive Safety and Sensorics) ระบุว่าคอนติเนนทอลได้พัฒนาเทคโนโลยีเซนเซอร์แบบใหม่ที่สามารถวัดอุณหภูมิภายในมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวรซึ่งใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าบนโรเตอร์โดยตรงเป็นครั้งแรก ซึ่งจะให้ผลการวัดที่แม่นยำกว่าระบบจำลองอุณหภูมิด้วยซอฟต์แวร์ในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด
โดยเซนเซอร์นี้ จะลดช่วงความคลาดเคลื่อนจากเดิม 15 องศาเซลเซียส เหลือเพียง 3 เซลเซียส ซึ่งสิ่งที่ตามามจากจุดเด่นนี้คือ ช่วยให้ผู้ผลิตรถลดปริมาณการใช้แร่ธาตุที่หายากที่ใช้สำหรับการเพิ่มความทนทานต่อความร้อนของแม่เหล็ก และยังเพิ่มประสิทธิภาพของมอเตอร์ รวมถึงความทนทานในการใช้งานอีกด้วย
"การใช้ทรัพยากรที่น้อยลงและต้นทุนที่ลดลง เทคโนโลยี eRTS จึงมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าระบบปัจจุบัน นวัตกรรมนี้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านทรัพยากรและการมุ่งเน้นความเชี่ยวชาญในศูนย์ผลิตภัณฑ์ของเรานับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เราจะเดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เซนเซอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของเราต่อไป”
บินกล่าวว่า การทำงานของโรเตอร์นั้นอยู่ภายใต้สภาวะที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิสูงถึง 150 องศาเซลเซียส ด้วยเหตุนี้ การตรวจสอบและควบคุมการพัฒนาอุณหภูมิในมอเตอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
แต่การที่ปัจจุบันอุณหภูมิความร้อนไม่ได้ถูกวัดโดยตรง แต่ใช้วิธีการคำนวณจากข้อมูลของเซนเซอร์อุณหภูมิที่ตัวสเตเตอร์ การวัดกระแสไฟฟ้าในแต่ละเฟส และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งมีค่าความคลาดเคลื่อนสูงถึง 15 องศาเซลเซียส
และความคลาดเคลื่อนที่สูง บวกกับความพยายามป้องกันแม่เหล็กไม่ให้สูญเสียคุณสมบัติจากอุณหภูมิที่สูงเกินไป จึงทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้แร่ธาตุหายากราคาแพงมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมช่วงของความคลาดเคลื่อนทั้งหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าแม่เหล็กสามารถทนความร้อนได้
แต่เมื่อมีเทคโนโลยีการวัดมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วงความคลาดเคลื่อนลดลง ผู้ผลิตรถจึงได้รับประโยชน์จากทางเลือกใหม่นี้ และมีอิสระในการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดแม่เหล็กถาวรมากขึ้น รวมถึงความสามารถในการเพิ่มสมรรถนะของมอเตอร์โดยการขยายขีดจำกัดของช่วงความคลาดเคลื่อน
“ศูนย์ผลิตภัณฑ์เซนเซอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของเรามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน เทคโนโลยี eRTS เป็นตัวอย่างที่ดีของเป้าหมายนี้ การลดการใช้แร่ธาตุหายากช่วยให้ห่วงโซ่อุปทานมีความยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพิจารณาว่าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกไม่กี่ปีและทศวรรษข้างหน้า”
คริสตอฟ บุสช์ หัวหน้าศูนย์ผลิตภัณฑ์เซนเซอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า กล่าว