แรงสุดของ โรลส์-รอยซ์ 'แบล็คแบจ สเปกเตอร์' EV เริ่ม 41.5 ล้าน

ปี 2566 โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) รุ่นแรก สเปกเตอร์ (Rolls-Royce Spectre) และล่าสุดเสริมตลาดด้วยรุ่นพิเศษ “แบล็คแบจ สเปกเตอร์”
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์คาร์ส แบงคอก ผู้จำหน่ายรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “แบล็คแบจ สเปกเตอร์” (Rolls-Royce Black Badge Spectre) รถที่ได้ชื่อว่ามีพลังสูงที่สุดที่โรลส์-รอยซ์ เคยผลิตมา จากขุมพลังไฟฟ้า หรือ อีวี (EV)
แบล็คแบจ สเปกเตอร์ เป็นรุ่นพิเศษที่ต่อยอดจาก สเปกเตอร์ โดยปรับเพิ่มสมรรถนะจาก 584 แรงม้า เป็น 600 แรงม้า ขณะที่แรงบิดสูงสุดเท่ากัน ที่ 900 นิวตันเมตร แต่เมื่อเลือกใช้โหมด อินฟินีตี้ ซึ่งมีเฉพาะใน แบล็คเบจเท่านั้น จะเพิ่มกำลังเป็น 659 แรงม้า
ขณะที่โหมดสปิริต (Spirit) จะเพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 1,075 นิวตันเมตร สำหรับการใช้งานที่ต้องการกำลังเป็นพิเศษช่วงสั้น ๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก เครื่องยนต์ โรลส์-รอยซ์ เมอร์ลิน (Rolls-Royce Merlin) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในเครื่องบินรบหลายรุ่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้แบล็คเบจ ยังมีโหมด launch control เอาไว้ให้ใช้งาน ให้เล่น อีกด้วย
นอกจากนี้ยังตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับ แบล็คเบจ เช่น
- กระจังหน้าแพนธีออนเรืองแสง เพิ่มลูกเล่นโดยการพ่นสีด้านใน (Illuminated Pantheon Grille),
- ตัวถังรถสีม่วง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแสงไฟนีออนของไนต์คลับยุค 80s-90s ที่จะเป็นสีม่วง
- แผ่นกันรอยกาบบันได พร้อมโลโก้ “Black Badge” เรืองแสง
- ห้องโดยสารประดับลาย Technical Fibre
- แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia)
ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก กล่าวว่าโรลส์-รอยซ์ แบล็คแบจ สเปกเตอร์ เป็นรถที่ทรงพลังมากสุดในประวัติศาสตร์ ของแบรนด์ พัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับหลักแสน กม. จากกลุ่มผู้ครอบครอง
และเพื่อรองรับสมรรถนะที่เพิ่มสูงขึ้น โรลส์-รอยซ์ ปรับปรุงเชิงวิศกรรม ทั้งการเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัย ปรับแต่งตัวถังและช่วงล่างพลานาร์ เพื่อลดการโยนตัว และลดอาการหน้าเชิดจากการเร่งเต็มแรง หรือ หน้าทิ่มเมื่อเบรกเต็มที่ แต่ยืนยันว่ายังคงรักษาความสะดวกสบายในการโดยสาร หรือ “Magic Carpet Ride”
แบล็คเบจ เป็นรถยนต์ฟาสต์แบค 2 ประตู สัญลักษณ์นางฟ้าบริเวณหน้ารถ (Spirit of Ecstacy) ชุบโครเมียมรมดำ กระจังหน้าเรืองแสงแรงบันดาลใจจากเสาของวิหารแพนธีออน (Illuminated Pantheon grille)
ประตูยาว 1.5 เมตร แบบไร้เสากลาง เชื่อมด้วยเลเซอร์ เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์
ไฟท้ายออกแบบให้ปราศจากสีสันโดยสิ้นเชิง ล้ออะลูมินัมฟอร์จขนาด 23 นิ้ว ลายใหม่ 5 ก้าน โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งสีดำล้วน หรือกึ่งปัดเงา
ห้องโดยสารประดับลวดลาย Technical Fibre และ แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) มาตรวัดฝั่งผู้ขับขี่ มีให้เลือก 5 สี คือ Vivid Grellow, Neon Nights, Cyan Fire, Ultraviolet and Synth Wave
แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) โดยฝั่งผู้โดยสาร ฉลุเป็นลวดลายปีกนางฟ้า พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ล้อมรอบด้วยไฟที่เป็นเหมือนดวงดาวกว่า 5,500 ดวง บนพื้นหลังสีดำเปียโนแบล็ค แทนความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ด้วยลวดลาย Technical Fibre ที่มีส่วนประกอบของเส้นใยคาร์บอนและโลหะ ประตูดาว (Starlight Doors) ส่องแสงเป็นประกาย ส่วนเบาะคู่หลัง คั่นกลางด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้
ด้านการใชังาน รองรับการขับขี่สูงสุด เฉลี่ย 493-530 กิโลเมตร (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 4.3 วินาที
อัตราสิ้นเปลือง 23.8-22.2 kWh/100 กิโลเมตร (WLTP)
ด้านเงื่อนไขการซื้อขาย
- รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์ ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)
- รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 15 ปี
- โรลส์-รอยซ์ Wall Box 22 kW พร้อมติดตั้ง
- โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้สำหรับ โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งรับประกันแบตเตอรี 10 ปี ก็จะได้สิทธิ์ย้อนหลัง โดยปรับเพิ่มเป็น 15 ปี ด้วยเช่นกัน
ส่วนราคาของ แบลคเบจ สเปกเตอร์ รุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ 41.5 ล้านบาท







