From Seed to Speed เชอรี่ - โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เร่งเครื่องไฮบริด

From Seed to Speed เชอรี่ - โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เร่งเครื่องไฮบริด

เชอรี่ ออโตโมบิล (Chery) แบรนด์รถยนต์รายใหญ่จีน มองตลาดไฮบริดอนาคตสำคัญ เดินหน้าผนึก โอโมด้า แอนด์ เจคู่ (Omoda & Jaecoo) ดันตลาดควบคู่ อีวี เตรียมส่ง PHEV 4 รุ่นลุยไทย 

เชอรี่ ออโต้โมบิล (Chery) เป็นแบรนด์รถยนต์รายใหญ่ของจีน ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกรวม 110 ประเทศ มีโรงงานในต่างประเทศ 16 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการต่างประเทศ 2,680 แห่ง มีฐานลูกค้าเกือบ 15 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่นอกจีน 4.5 ล้านคน

เชอรี่ระบุว่า บริษัทครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน

ปี 2567 ที่ผ่านมา แบรนด์ในเครือเชอรี่ทั้งหมด มียอดชายทั่วโลก 2.6 ล้านคัน และเป็นการเติบโตที่ดีจากปีก่อนหน้าด้วยอัตราส่วน 38% 

ซึ่งเชอรี่ระบุชัดเจนว่า การเติบโตส่วนสำคัญอย่างหนึ่งคือ การรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยสินค้าที่หลากหลาย ทั้งแบรนด์ และเทคโนโลยี 

 

สำหรับตลาดในประเทศไทย เคยมีรถยนต์ เชอรี่ เข้ามาทำตลาดหน้านี้ย้อนหลังกลับไปราว 10 ปี เมื่อกลุ่มธุรกิจคนไทย ตัดสินใจนำเข้ารถมาจำหน่าย ทำให้ คิวคิว (QQ) รถขนาดเล็ก เป็น เชอรี่รุ่นแรกที่ทำตลาดในไทย แต่ก็มียอดจำหน่ายน้อยมาก และอยู่ในตลาดได้ไม่นาน

หลังจากนั้นหลายปี ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป เชอรี่ ตัดสินใจเข้ามาตลาดในไทยเองในปี 2567 ที่ผ่านมา ด้วยการส่งแบรนด์ในเครือเข้ามานำร่อง นั่นคือ โอโมด้า (OMODA) และ เจคู่ (JAECOO) พร้อมตั้งบริษัทดูแล คือ โอโมด้า แอนด์ เจคู่ ประเทศไทย (OMODA & JAECOO) 

รถ 2 รุ่นแรกที่เปิดตลาดพร้อมกันคือ โอโมด้า ซี5 อีวี (OMODA C5 EV) และ เจคู่ 6 อีวี (JAECOO 6 EV) และหลังจากนั้นเสริมตลาดด้วย เจคู่ เจ 6 เอสเอชเอส (J7 SHS) ซึ่งเป็นรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด

ทั้งนี้ช่วงสองสามปีก่อนหน้านี้ โลกของรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) กำลังมาแรงอย่างมาก จนดูเหมือนจะไม่มีแนวต้านใด ๆ จะรับมือได้ แต่ในช่วงปี 2566 ก่อนที่เชอรี่ จะเปิดตลาดในไทย ได้พูดชัดเจนว่าแนวทางของเชอรี่ จะไม่เน้นเฉพาะอีวี เพราะมองว่าพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ยังมีความสำคัญในการเข้าถึง และตอบสนองผู้บริโภค 

พร้อมระบุแนวทางการตลาดว่า ไทย จะเริ่มเปิดตลาดด้วยอีวี และจะเป็นฐานการผลิตอีวี ส่วนเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียหรืออินโดนีเซียจะเป็นฐานสำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ (ICE) และ ไฮบริด รวมถึงปลั๊ก-อิน ไฮบริด แต่จะมีการส่งออกนำเข้าระหว่างกัน เพราะต้องการให้มีทางเลือกที่หลากหลาย 

ซึ่งการเปิดตัว เจ7 เอสเอชเอส อย่างเป็นทางการในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ก็เป็นหนึ่งในแนวคิดการทำตลาดที่เน้นความหลากหลายในพลังงานทางเลือก

 

ในเวทีโลก โอโมดา แอนด์ เจคู่ นั้น ถือกำเนิดต่อสายตาชาวโลกอย่างเป็นทางการที่เวทีเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ ปี 2566 นั่นหมายถึงปีนี้ครบรอบ 2 ปี ของการเปิดตัวสู่เวทีโลกอย่างเป็นทางการ 

 

ซึ่งในงานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ ปีนี้ ผู้บริหาร โอโมด้า แอนด์ เจคู่ใช้เวทีนี้ยืนยันผลการดำเนินการตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก และเตรียมความพร้อมที่จะก้าวสู่การเติบโตต่อไป 

โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เลือกใช้คำว่า “From Seed to Speed” สื่อว่าจากนี้ไปคือ การเร่งการเติบโต และหนึ่งในสิ่งที่จะผลักดันการเติบโตคือ เทคโนโลยี ไฮบริด ซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางของเชอรี ซึ่งไม่กี่วันก่อนก็จัดงาน Chery OJ Hybrid Technology Night ในธีม “China Hybrid, Leading the World” และประกาศเปิดตัว Chery and OMODA & JAECOOO Hybrid Technology Open-Source Initiative ที่เมืองอู่หู มณฑลอานฮุย

From Seed to Speed เชอรี่ - โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เร่งเครื่องไฮบริด

สำหรับภารพรวมในงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ เชอรี่ นั้นยึดพื้นที่ฮอลล์ 4.1 เกือบทั้งหมดนำเสนอรถยนต์หลายแบรนด์ ขณะที่การนำเสนอบนเวที ก็แสดงให้เห็นถึงทิศทางธุรกิจ ทั้งด้านการขยายตลาด หรือ ด้านผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำรถใหม่อย่างปิกอัพ ฮิมาลา (HIMALA) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทือกเขาหิมาลัย หมายความว่าปิกอัพคันนี้ พร้อมจะไปไหนก็ได้

หรือการนำเสนอรถต้นแบบ คิวคิว ที่ครั้งนี้มีแนวคิดที่แตกต่างจาก คิวคิว ในอดีตอย่างสิ้นเชิง ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีไม่น้อย 

นอกจากนี้ภายในงาน ส่วนธุรกิของของโอโมด้า แอนด์ เจคู่ ก็​นำเสนอทิศทางของตนเองบนเวทีนี้ โดยประเด็นหลัก ๆ ก็คือ การขยายตลาดให้มากขึ้น 

ภายใต้กลยุทธ์นี้ เชอรี่ กรุ๊ป จะมีรถยนต์ไฮบริด 39 รุ่น 

 

และสำหรับประเทศไทย ที่ระบุว่าจะมีรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 4 รุ่น เข้ามาทำตลาดภายในปีนี้ ประกอบด้วย

  • โอโมด้า ซี7 เอสเอชเอส (OMODA C7 SHS) 
  • โอโมด้า ซี5 เอสเอชเอส (OMODA C5 SHS)
  • เชอรี่ ทิกโก 7 ซีเอชเอส (Chery Tiggo 7 CHS) 
  • เชอรี่ ทิกโก 8 ซีเอชเอส (Chery Tiggo 8 CHS)

 

From Seed to Speed เชอรี่ - โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เร่งเครื่องไฮบริด

ทั้งนี้ปัจจุบัน เชอรี่ ยังไม่ได้เปิดตลาดในไทย แต่ได้เตรียมแผนงานต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการปูพรมแนะนำตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผานมา พร้อมกับการนำรถไปจัดแสดง 3 รุ่น 

สำหรับการเปิดตัว 4 รุ่นในไทย จะทยอย เปิดเป็นช่วง ๆ โดยรุ่นแรกคาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และก่อนจะเปิดตัว เชอรีจะจัดกิจกรรมนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดในไทย ช่วงกลางเดือน พ.ค.

“เชอรีได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรฐานสากลของเทคโนโลยีไฮบริดที่มีคุณภาพสูงจากการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลกแบบเชิงลึก เราพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ทั้งประหยัดพลังงาน มีสมรรถนะสูง ปลอดภัย และรองรับการขับขี่แบบออฟโร้ดได้อย่างดี” กู่ ชุนฉาน รองประธาน Chery Group กล่าว

ทั้งนี้แผนการเปิดตัวของเชอรี่ และโอโมด้า แอนด์ เจคู่ มีมากกว่านี้ คือกลุ่มรถพลังงานอื่น ๆ เช่น ทิกโก้4 หรือ ในไทยจะใช้ชื่อ ทิกโก้ ครอส ที่หมายมั่นปั้นมือจะส่งมาเบียดกับโตโยต้า ยาริส ครอส ซึ่งจะได้เห็น บี เอสยูวี คันนี้ในปีนี้เช่นกัน 

 

เตรียมพัฒนาไฮบริด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 

ปัจจุบันระบบไฮบริดของเชอรีใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ แต่เขอรีระบุไ้ด้พัฒนาเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับไฮบริด คือ 2.0 ลิตร (2.0TGDI) โดยยืนยันว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ขับขี่ได้ไกลขึ้น และประหยัดน้ำมัน 

From Seed to Speed เชอรี่ - โอโมด้า แอนด์ เจคู่ เร่งเครื่องไฮบริด

โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ที่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม 46.5% และระบบส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่าเดิม 93% ให้กำลังสูงสุด 280 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 375 แรงม้า