มาเซราติ ส่ง ‘กรันคาบริโอ’ ลุยตลาด 2 ทางเลือก ICE-EV เริ่ม 14.9 ล้าน

มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัวรถสปอร์ตเปิดประทุนไอคอน “กรันคาบริโอ” (GranCabrio) 2 ตัวเลือก “TROFEO” เครื่องยนต์ตัวแรงจาก M20 และ “FOLGORE” รถพลังงานไฟฟ้า (EV) จับกลุ่มคนรุ่นใหม่
มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัวรถสปอร์ตเปิดประทุน “กรันคาบริโอ” (GranCabrio) อย่างเป็นทางการ โดยมีทางเลือก 2 เวอร์ชั่น รองรับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย ทั้ง “TROFEO” (โทรเฟโอ) ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ “เน็ททูโน่” (Nettuno) ที่ยกมาจากตัวแรงอย่าง เอ็ม 20 (M 20) และ “FOLGORE” (โฟลกอเร) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) 100%
การเปิดตัวทั้ง 2 เวอร์ชั่น เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย โดยรุ่นเครื่องยนต์ยังคงได้รับความนิยมจากฐานลูกค้าเดิม และผู้ชื่นชอบความคลาสสิค ขณะที่เวอร์ชั่นอีวี กำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มคนรุ่นใหม่ระดับอายุ 35-45 ปี
สำหรับเครื่องยนต์ “เน็ททูโน่” เป็นเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่มาเซราติเคยผลิตออกมา
ขณะที่ขุมพลังไฟฟ้าใน โฟลกอเร ใช้เทคโนโลยีจากสนามแข่งอย่าง “ฟอร์มูล่า อี” (Formula E) เช่น แบตเตอรี 800 โวลต์ ติดตั้งกับโครงสร้างรถคล้ายกลับตัว T (ด้านขวางอยู่ท้ายรถ) เพื่อให้การขับทำได้ดี
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดย 1 ตัวขับเคลื่อนล้อหน้า อีก 2 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง (ติดตั้งไว้คู่กันตรงกลาง)
ให้กำลังสูงสุด 761 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,350 นิวตันเมตร
Maserati GranCabrio ทั้ง 2 รุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ all wheel drive หลังคาเปิดประทุนเป็นหลังคาผ้าใบที่ลูกค้าสามารถเลือกสีได้ 5 สี เปิด-ปิด ได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว และใช้เวลา 14 วินาที
ภายในห้องโดยสาร รองรับการเดินทางได้ 4 คน และมีแผ่นบังลมที่สามารถพับเก็บได้ เหมาะสำหรับการใช้งานเมื่อมีผู้โดยสาร 2 คน ซึ่งจะช่วยลดกระแสลมปั่นป่วนในห้องโดยสาร เพิ่มความรื่นรมย์ในการขับขี่มากขึ้น
สำหรับราคาจำหน่าย
- GranCabrio TROFEO เริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
- GranCabrio FOLGORE เริ่มต้น 14.9 ล้านบาท
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า มาเซราติ กรันคาบริโอ ใหม่ ได้รับการพัฒนาแบบคู่ขนานไปกับรุ่น กรันทูริสโม ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Drive Like the Best Is Yet To Come"







