สุดยอดซีอีโอของเฟอร์รารี่ กับการเปลี่ยนแปลง

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการประกาศ สุดยอดซีอีโอ ของโลกประจำปีนี้ โดย Brand Guardiaship Index ซึ่งเป็นการจัดโดยดูจากชื่อเสียงของทั้งซีอีโอและตัวองค์กรเป็นหลัก
ในหกอันดับแรกเป็นซีอีโอที่คุ้นเคยกันดี ทั้งซีอีโอจากไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล NVIDIA กูเกิ้ล และ เทสลา แต่ในอันดับสี่นั้นกลับเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยจากบริษัทรถแข่งอย่างเฟอร์รารี่ Ferrari ที่ชื่อ Benedetto Vigna แถมยังมีอันดับที่สูงกว่า Sundar Pichai จากกูเกิ้ล และ Elon Musk จากเทสลาอีก
Benedetto Vigna เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของเฟอร์รารี่ในปี 2021 โดยก่อนหน้านี้เป็นผู้บริหารอยู่ที่ STMicroelectronics เฟอร์รารี่ต้องหาซีอีโอจากภายนอก เนื่องจากความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่
ทั้งการปรับเข้าสู่ความเป็นรถยนต์ EV ของแบรนด์คู่แข่งอย่าง Porsche หรือพฤติกรรมของลูกค้าก็เปลี่ยนไป เดิมต้องการรถที่มีพลังและสมรรถนะที่สูงก็สนใจกับความยั่งยืน และประสบการณ์มากขึ้น
ภายในบริษัทก็มีปัญหาจากลำดับขั้นในการตัดสินใจที่มาก นำไปสู่การตัดสินใจที่ล่าช้า และขาดการปรับเปลี่ยนตนเองให้พร้อมต่อโลกดิจิทัล Benedetto ซึ่งเป็นคนนอกธุรกิจรถยนต์และมีประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีมาก่อน จึงเป็นความหวังสำหรับการเปลี่ยนแปลงและมุมมองใหม่ให้กับเฟอร์รารี่
เมื่อ Benedetto เป็นซีอีโอ ได้มีการปรับเปลี่ยนทางกลยุทธ์ที่สำคัญด้วยกัน 3 ประการด้วยกัน
1. ให้ความสำคัญในเรื่อง EV โดยได้เร่งพัฒนารถยนต์ EV สำหรับเฟอร์รารี่และในปี 2025 ทางค่ายเฟอร์รารี่จะมีรถ EV ออกมาเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังขยายรถยนต์ไฮบริดที่มีมาก่อนหน้านี้ให้มากขึ้น และลงทุนในโรงงานสำหรับการผลิตรถอีวีและไฮบริด
2. Digital Transformation และ การนำ AI เข้ามาใช้งาน โดยจับมือเป็นพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง อาทิเช่น Qualcomm ในเรื่องซอฟแวร์ AI สำหรับรถ รวมทั้ง IBM และ AWS เพื่อมาสนับสนุนทางเทคโนโลยี
มีการนำ AI มาใช้ในการออกแบบและผลิตรถ ทำให้ทั้งลดเวลาในการผลิตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น
3. ขยายธุรกิจของเฟอร์รารี่ออกไปมากกว่ารถยนต์ โดยขยายเข้าสู่แฟชั่นและความเป็น Lifestyle มากขึ้น ปัจจุบันเฟอร์รารี่จะไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์เท่านั้น แต่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์หรูที่มีทั้งรถยนต์ แฟชั่น และมีการร่วมมือกับแบรนด์ดังหลายแบรนด์
นอกเหนือจากการปรับกลยุทธ์แล้ว Benedetto ยังได้ปรับเปลี่ยนองค์กร ตั้งแต่ลดลำดับขั้นในการบังคับบัญชา ที่จากในอดีตกว่าพนักงานทดสอบรถจะส่งข้อมูลถึงซีอีโอได้ ต้องผ่านทั้งหมด 6 ขั้น ก็เหลือเพียงแค่ 3
รวมทั้งการปรับวัฒนธรรมและแนวทางในการทำงานภายในบริษัท เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานมากขึ้น สนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้จากความผิดพลาด
ผลของการเปลี่ยนแปลง ทำให้ราคาหุ้นของเฟอร์รารี่เพิ่มขึ้นจากระดับ 140 ยูโรเมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็น 480 ยูโรในปัจจุบัน ส่วนกำไรในปี 2024 ก็เพิ่มจากปี 2023 ถึง 21% รถยนต์ของเฟอร์รารี่ก็ถูกจับจองล่วงหน้าถึงปี 2026
ปัจจุบันธุรกิจหลักของเฟอร์รารี่คือการออกแบบ ผลิต และจำหน่าย Luxury Sports Cars และ Supercars นอกจากนี้เฟอร์รารี่ยังให้ความสำคัญกับการแข่งรถผ่านทาง Formula 1 และ Motorsport เช่นเดิม
และสุดท้ายคือได้มีการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ผ่านความเป็นแบรนด์หรู ทั้งประสบการณ์และสินค้า มีทั้งแฟชั่น รองเท้า เครื่องประดับ นาฬิกา รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่งรถยนต์
นอกจากนี้มีการเปิดสวนสนุก Ferrari World ที่ตะวันออกกลาง และ Ferrari Land ที่สเปน และมีแผนจะเปิดโรงแรมภายใต้ธีมของเฟอร์รารี่
ความท้าทายที่ Benedetto และเฟอร์รารี่ต่อไปคือ รถอีวีที่จะเผยโฉมในปี 2025 จะประสบความสำเร็จเพียงใด และเมื่อมีความต้องการรถเฟอร์รารี่เพิ่มขึ้น เฟอร์รารี่ก็จะต้องรู้จักที่จะยับยั้งและไม่ตกไปในหลุมพรางของการเพิ่มกำลังการผลิตได้หรือไม่ สุดท้ายการขยายไปธุรกิจที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะสวนสนุกและโรงแรม จะเหมาะสมสำหรับความเป็นเฟอร์รารี่เพียงใด.