เยือนกว่างสี ดูน้ำตก ดงภูเขา เข้าเวียดนาม กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ 2.2 MAXFORCE

อีซูซุ เปิดเส้นทาง กว่างสี ฮาลอง ฮานอย พิสูจนฺ์การขับขี่ ดีแมคซ์-มิวเอ็กซ์ 2.2 แมคฟอร์ซ (2.2 MAXFORCE) ในรูปแบบเส้นทางหลากหลาย เยือนแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
KEY
POINTS
เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว อีซูซุ เสริมเครื่องยนต์ใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE ให้กับรถปิกอัพ ดีแมคซ์ และ พีพีวี มิว-เอ็กซ์ จากเดิมมีเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ซึ่งก็ดูว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าเทียบกับรุ่น 1.9 Ddi Blue Power ที่เครื่องยนต์ตัวใหม่มีสมรรถนะที่ดีขึ้นชัดเจน แต่ราคาปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นบาทเท่านั้น
เสียดายแต่ว่าปีที่แล้ว ภาพรวมตลาดรถยนต์ไม่ดี โดยเฉพาะปิกอัพที่ร่วงค่อนข้างแรง
ต้องรอภาพรวมปีนี้อีกทีว่าจะเป็นอย่างไร การได้ทำตลาดเต็มปีจะช่วยดันยอดได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ถ้าพูดถึงด้านของการใช้งาน ผมว่า 2.2 น่าสนใจทีเดียวครับ ซึ่งล่าสุด ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ จัดทริปทดสอบที่ประเทศเพื่อนบ้าน เวียดนาม เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนเส้นทางรวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคไปในตัว
เส้นทางที่จะขับคือ เมืองลังเซิน มาฮาลอง และฮานอย โดยผมเดินทางไปที่หนานหนิง ในมณฑลกว่างสี แวะชมแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง "น้ำตกเต๋อเทียน" น้ำตก 2 สัญชาติ (จีน-เวียดนาม) เข้าพักที่โรงแรม "ลักซ์ ฉงจั่ว" โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทไกลเมืองใหญ่อย่างหนานหนิงกว่า 100 กม.
เป็นโรงแรมตั้งอยู่กลางหุบเขาที่สวยงาม ทางเดินในโรงแรมบางจุดยังมีป้ายเตือนระวังหินร่วง เรียกกว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก
โรงแรมมีพนักงานที่พูดภาษาไทยได้ ซึ่งการเป็นคนกว่างสีที่พื้นเพรากศัพท์หลายคำใกล้เคียงกับภาษาไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พูดไทยได้ อีกส่วนหนึ่งเพราะคนที่นี่หลายคนชื่นชอบการเรียนภาษาไทย
และที่โรงแรมนี้ยังมีเชฟสาวเพชรบุรีทำอาหารให้เราทานกันด้วย
ใครที่ชื่นชอบภูเขา อาจชอบรูปทรงและดงภูเขาอย่าง "เสม็ดนางชี" แต่ถ้ามาที่นี่ก็จะรู้สึกอิ่มยิ่งขึ้น เพราะมันครอบคลุมมีพื้นที่ที่ใหญ่มาก นั่งรถเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง ก็ยังเห็นดงภูเขาเช่นเดิม
แต่แหล่งน้ำย่านนี้น้อย ถ้าทั้งเขาทั้งน้ำต้องไปที่กุ้ยหลิน ซึ่งอยู่ในกว่างสีเช่นกัน
จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าพบว่านักท่องเที่ยวจีนจากย่านนี้ซึ่งนิยมไปเที่ยวเมืองไทยไม่น้อย เขาจะเลือกไปเที่ยวทะเลครับ
และสำหรับน้ำตกเต๋อเทียน เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวหนาตา และมีกิจกรรมลงแพไม้ไผ่ติดเครื่องยนต์ เพื่อเข้าไปชมม่านน้ำตก รับละอองน้ำกันใกล้ ๆ
เต๋อเทียนเป็นน้ำตก 2 สัญชาติ ซีกหนึ่งเป็นของจีน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเต๋อเที่ยน เมืองฉงจั่ว (Chongzuo) และอีกซีกหนึ่งเป็นของเวียดนามในเขต Dam Thuy ตำบล Trung Khanh จังหวัดกาวบั่ง (Cao Bang) โดยคนเวียดนามเรียกว่าน้ำตก Ban Gioc
ทั้งจีน และเวียดนาม ต่างคนต่างก็จัดการการท่องเที่ยวกันไป แต่ดูเหมือนฝั่งจีนจะคึกคักกว่า เพราะซีกนี้น้ำตกสวยกว่าเป็นน้ำตก 3 ชั้น ขณะที่ฝั่งเวียดนามนั้น ชั้นเดียว
แต่เมื่อเราล่องแพลงไปกลางแม่น้ำ Quay Son มุ่งหน้าเข้าหาน้ำตก ก็จะมีกองทัพเรือน้อยของเวียดนำบุกประกบทันที พร้อมสินค้าเสนอขายหลากหลาย เครื่องดื่ม ของที่ระลึก หรือยาสูบ ก็เป็นอีกสีสันหนึ่ง
น้ำตกนี้เกิดจากความต่างระดับของแม่น้ำ กว้างประมาณ 200 เมตร สูง 30-70 เมตร แต่ว่าการไหลของน้ำจากมากน้อย สวยไม่สวย ขึ้นอยู่กับเขื่อนที่อยู่หลังน้ำตกด้วย ว่าเขาจะปล่อยน้ำมาอย่างไร
อ้อ เป็นเขื่อนของจีนครับ
เสร็จจากแวะเที่ยวน้ำตก เราก็เดินทางต่อ มุ่งหน้าข้ามด่านชายแดนจีน-เวียดนาม ที่ด่านโหย่วอี้กว่าน ด่านการค้าสำคัญที่สินค้าจากเมืองไทยไม่น้อยเข้าจีนทางด่านนี้ และจุดเด่นของถนนที่มุ่งมายังด่าน เสาไฟข้างทางเขาออกแบบเป็นลูกมังคุดกับทุเรียน คล้าย ๆ กับถนนข้าวหลามที่ชลบุรี หรือ กินรี ที่สมุทรปราการนั่นแหละครับ
ส่วนฝั่งเวียดนามคือด่าน ด่านหูหงิ จังหวัดลางเซิน
ใช้เวลากับ ตม. เวียดนามสักพัก เพราะคงไม่บ่อยนักที่จะมีคนไทยข้ามจากจีนเข้ามาทางด่านนี้ แล้วเราก็พบกับขบวน ดีแมคซ์ และมิว-เอ็กซ์ จอดรออยู่ฝั่งเวียดนาม
การเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว โดยดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ เป็นพาหนะของผมวันนี้
เส้นทางช่วงแรกไปยังฮาลอง ที่ผมขับประมาณ 150 กม. เป็นเส้นทางผ่านชุมชน ป่าเขา ถนนที่กำลังก่อสร้าง เกือบ 100% เป็นทางเล็ก ๆ แต่มีรถใหญ่ รถเล็ก มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ร่วมทางตลอด ก่อนที่ช่วงปลายๆ 50 กม. เป็นทางด่วนที่ดูดีใช้ได้เลย
เส้นทางเล็ก ๆ เส้นทางชนบท ท้าทายดีครับ โดยเฉพาะเมื่อต้องการแซงรถใหญ่อย่างสิบล้อ รถพ่วง ที่ต้องอาศัยทั้งจังหวะที่เหมาะสม และอัตราเร่งของรถ เพราะบางช่วงแม้ดูแล้วด้านหน้าจะโล่งพอ แต่รถใหญ่ก็กินเลนเข้ามาเพราะความเล็กของถนน ทำให้การแซงบางครั้งก็ฝุ่นตลบเพราะล้อซ้ายเราต้องลงไปไหล่ทางเล็กน้อย
แต่ก็สนุกครับ การขับตั้งแต่บ่าย ๆ ถึงค่ำ ตื่นตัวตลอดเวลา ใช้พวงมาลัย ใช้คันเร่ง และเบรกสลับกันไปมาตลอดทาง
และการขับขี่แบบเดินทางจริงในเส้นทางที่ท้าทายแบบนี้ผมว่าเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากรุ่น 1.9 ลิตร 13 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร (เพิ่มขึ้น 50 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ตอบสนองการใช้งานได้ดี จังหวะเรียกกำลังมาได้เร็วพอ รวมถึงการไล่ความเร็วขึ้นไป ไม่ต้องเค้นเครื่องยนต์ เพิ่มน้ำหนักคันเร่งแบบนุ่มนวลเท่านั้น
ขณะที่การขับขี้นเขาขึ้นเนิน สำหรับ 3 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ กลาง ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องเค้นเช่นกัน
อารมณ์โดยรวมไม่ได้ถึงกับจี๊ดจ๊าด สปอร์ต แต่ตอบสนองการใช้งานได้แบบไม่อิดออด
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และที่ความเร็วระดับกฎหมายกำหนด 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที ช่วยด้านประหยัดพลังงานได้อีกทาง ซึ่งโดยรวม ๆ ที่ผมขับวันนี้อยู่ที่ประมาณ 15.3 กม./ลิตร
เกียร์เดี๋ยวนี้ก็ฉลาด จังหวะลงเนินลงเขาแทบไม่ต้องทำอะไร เกียร์ปรับลดให้เองจนเกิดเอนจิ้นเบรกเพียงพอ
อีซูซุ ระบุว่า เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) เป็นเครื่องยนต์การพัฒนาใหม่ ทำให้ได้สมรรถนะที่ดีขึ้น แต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2) ต่ำที่สุด ในรถระดับเดียวกัน พร้อมรองรับเทคโนโลยีและพลังงานที่หลากหลายในอนาคต
สมรรถนะที่เพิ่มขึ้น การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง เป็นผลมาจากหลายส่วน เช่น หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa และ ECM ใหม่ แบบ Multi-Core ขณะที่ E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันตัวใหม่ ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ห้องเผาไหม้ใหม่ HIGH SWIRL ลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ให้แรงเสียดทานต่ำ เสื้อสูบแบบ EXTREME STRENGTH ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า
ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่าเครื่องยนต์ตัวใหม่ยังสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือทำงานควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย ถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อน
ขณะที่เครื่องยนต์ 1.9 อีซูซุ ยังยืนยันที่จะทำตลาดต่อไป เพราะตลาดยังมีความต้องการ
สำหรับการขยับตัวของอีซูซุ นอกจากการมาของเครี่องยนต์ใหม่ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใหม่ นอกจากจะเป็นทางเลือกทั้งในดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ แล้ว อีซูซุ ยังเพิ่มไลน์อัพใหม่ คือ
- อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE อีซูซู V-CROSS 4x4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE
- ดีแมคซ์ Spark 4x4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE
เส้นทางวันนี้ยังได้ทดสอบได้อีกหลายอย่างจากรถเช่น ระบบช่วงล่างทั้งการควบคุมในทางโค้งทางเขาที่ทำได้ดีเดินทางไม่เหนื่อย ขณะที่การจัดการกับทางที่มีทั้งชำรุด ทางฝุ่นทางดิน หรือล้อซ้ายกับล้อขวาสัมผัสพื้นผิวไม่เหมือนกัน การดูดซับแรงสั่นสะเทือนก็ทำได้ดีสำหรับปิกอัพ ช่วยให้นั่งได้สบาย
ส่วนภาพรวม ๆ ของห้องโดยสาร กว้างขวางพื้นที่เหลือ ๆ ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่ช่วงเข่า พื้นที่วางเท้าสบาย ๆ พนักพิงเบาะหลังองศาดี แต่เบาะรองนั่งอาจจะสั้นไปสักนิด ก็ใช้วิธีนั่งเอียงต้นขาเป็นระยะ ๆ ก็นั่งหลับได้สบาย ๆ เมื่อผมย้ายมานั่งเบาะหลังช่วงที่รถเริ่มเข้าสู่ทางด่วน มุ่งหน้าไปยัง ฮาลอง เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้วครับ







