ยามาฮ่า เปิดเกมรุกดันยอดขายปีนี้โต 7% เปิดตัว 5 รุ่น ประเดิม NMAX ใหม่

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า กล่าวว่าภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ว่ายอดจดทะเบียนจะทรงตัวประมาณ 1.7 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มียอดจดทะเบียน 1.708 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนหน้าประมาณ 9%

โดยยามาฮ่ามองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในปีนี้ มีปัจจัยช่วยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ ความต้องการรถจักรยานยนต์มีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถออโตเมติกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น การปรับตัวของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตขึ้น

ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก หนี้ครัวเรือนที่สูง และการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ตามความเข้มงวดของสินเชื่อตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้ เริ่มเห็นผลดีในขณะนี้ เพราะอัตราหนี้เสียลดลง และในอนาคตเชื่อว่าก็จะดียิ่งขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ช่วงที่อัตราหนี้เสียสูง ๆ ตลาดรถจักรยานยนต์มีสัดส่วนประมาณ 10% ส่วนการผิดชำระประมาณ 20%

สำหรับภาพรวมของยามาฮ่า ปีที่ผ่านมามียอดจำหน่าย 2.32 แสนคัน ลดลงประมาณ 10% จากปีก่อนหน้า มีส่วนแบ่งตลาด 13.6%

ส่วนปีนี้เป้าหมายยอดจดทะเบียนของยามาฮ่าอยู่ที่ 247,000 คัน เพิ่มขึ้น 7% และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% นอกจากนี้ยังตั้งเป้าช่วง 3 ปีจากนี้ไป จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 20%

การตั้งเป้ายอดขายที่เติบโตสวนทางกับตลาดรวม มาจากการดำเนินการเชิงรุกหลาย ๆ อย่าง ทั้งด้านองค์กร การตลาด ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการตลาด หรือว่าเครือข่ายการจำหน่ายและบริการ ฯลฯ

“ยามาฮ่าจะเน้นการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักปรัชญาคันโด (KANDO) เพื่อสร้างความพึงพอใจที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า และสร้างความแตกต่างในทุกๆกิจกรรมการตลาด โดยในปีนี้ยามาฮ่าได้สร้างแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ชื่อ FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล”

นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่าปีนี้บริษัทจะเพิ่มความหลากหลายในการทำตลาด รวมถึงการ่วมือกับพันธมิตรหลายแขนงทำตลดร่วมกัน ทั้งด้านบันเทิง กีฬา แฟชั่น อาหาร และการท่องเที่ยว

ในส่วนนโยบายด้านการขายจะเน้นการตลาดออนกราวด์ และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม การจัดกิจกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายเครือข่ายให้ครบ 77 จังหวัด รวม 250 สาขา จากที่ปี 2567 ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 210 สาขา

ด้านผลิตภัณฑ์ปีนี้ยามาฮ่าจะเปิดตัวรถรวม 5 รุ่น โดยสิ่งสำคัญคือ โครงสร้างราคาที่จะแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น

ล่าสุดเปิดตัวรุ่นแรก คือ เอ็นแม็กซ์ (NMAX) ใหม่ รถเอที เครื่องยนต์ 155 ซีซ๊ ที่ปรับเปลี่ยนใหม่พิ่มฟังก์ชั่น แต่ราคาเริ่มต้นเท่าเดิม คือรุ่นสแตนดาร์ด 9.85 หมื่นบาท และรุ่น เอ็นแมคซ์ เทคแมคซ์ (NMAX TECH MAX) 1.135 แสนบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.5  หมื่นบาท แต่จะได้ออปชั่นที่เพิ่มขึ้นหลัก ๆ  เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เอ็นแมคซ์ เป็นรถในกลุ่ม เอที ซึ่งตลาดกำลังเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสัดส่วนตลาดนี้เพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 60% ขณะที่รถกลุ่มครอบครัว หรือ Moped ลดจาก 60% เหลือ 45% ที่เหลือเป็นรถกลุ่มสปอร์ต 

 
NMAX ใหม่ ออกแบบเพื่อยกระดับความเป็น Premium Sport Scooter โดยสิ่งใหม่ ๆ ที่ปรับเปลี่ยนและเพิ่มเข้ามา เช่น

ไฟหน้า LED Projector ทั้งไฟสูง-ต่ำ ทนทาน ให้แสงสว่างชัดเจน ไม่ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เพิ่มทัศนะวิสัยในเวลากลางคืน 

ชุดไฟท้ายใหม่แบบ LED ทั้งหมด ดีไซน์สไตล์ MAX Series พัฒนาจากรุ่นพี่อย่าง TMAX

หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลแบบใหม่ 2 หน้าจอ (เฉพาะรุ่น TECH MAX) สามารถควบคุมการใช้งานได้ง่ายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย

โดยหน้าจอสี TFT 4.2 นิ้ว INFOTAINMENT แสดงผลข้อมูลต่าง ๆ เช่น แสดงผล แจ้งเตือนการทำงานของรถ โหมดการขับขี่ รอบเครื่องยนต์ สถานะการทำงานของ YECVTเบอร์โทรศัพท์สายเรียกเข้า พร้อมกดรับหรือวางสายได้, แสดงข้อความ SMS – Line - Messenger, แสดงมิวสิคเพลย์ลิสต์ Streaming  เพิ่ม-ลด เสียง รวมถึงเลือกเปลี่ยนเพลง, แสดงผลสภาพภูมิอากาศแบบ Realtime, สถานะการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

Garmin Navigation System (เฉพาะรุ่น TECH MAX) โดยการเชื่อมต่อ กับแอปพลิเคชัน Garmin StreetCross ค้นหาสถานที่ ปลายทาง และเลือกเส้นทางบนสมาร์ทโฟน สามารถซูมแผนที่เส้นทางเข้าออก หรือปรับเปลี่ยนมุมมองได้โดยใช้สวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้ายในการควบคุม โดยระบบจะแสดง
แผนที่เส้นทาง

• ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์
• เส้นทางเลี่ยงที่เป็นไปได้
• วลาถึงที่หมายโดยประมาณ
• สภาพอากาศที่ปลายทาง
• แจ้งเตือนข้อมูลเส้นทางที่อาจไม่ปลอดภัย เช่น ทางโค้งหักศอก ทางจำกัดความเร็ว เมื่อเชื่อมต่อ Y-Connect

Negative LCD Meter (รุ่น Standard) ด้วยหน้าจอดิจิทัล 3.2 นิ้ว Negative LCD แสดงผลความเร็ว, ระยะทาง, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, เวลา 

พร้อมแสดงไอคอนการเชื่อมต่อ Y-Connect, ไอคอนแจ้งเตือนสายเรียกเข้าหรือมีข้อความ, แสดงปริมาณแบตเตอรี่มือถือ, การทำงานรอบเครื่องยนต์, ค่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Average หรือ Real Time และแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และสายพาน

TECH MAX Seat (เฉพาะรุ่น TECH MAX) เบาะนั่งดีไซน์เพิ่มความพรีเมียมสปอร์ต กระชับ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะเดินทางทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน

ระบบขับเคลื่อน YECVT (เฉพาะรุ่น TECH MAX) ระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยระบบ Electronic สั่งงานผ่าน ECU ทำให้ผู้ขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้เอง โดย ระบบ YECVT จะยกเลิกการทำงานอัตโนมัติ เมื่อความเร็ว ≤ 15 ก.ม./ชม. 

Riding Mode Selection (เฉพาะรุ่น TECH MAX) ปรับได้ 2 รูปแบบ คือ T Mode (Town Mode) เหมาะกับใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมัน และ  S Mode (Sport Mode) 

Shift Down Function (เฉพาะรุ่น TECH MAX) ทำงาน 2 ฟังก์ชัน คือ 
ฟังก์ชั่นที่ 1เพิ่มอัตราเร่ง เพื่อเร่งแซงด้วยการเปิดคันเร่งอย่างรวดเร็ว

ฟังก์ชันที่ 2 เพิ่มทางเลือกในการควบคุมสมรรถนะด้วยตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ

1.เปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อเพิ่มอัตราเร่ง โดย ECU จะปรับอัตราทดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในการเร่งแซง สามารถเพิ่มได้ 3 ระดับ

2. ปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อสร้างแรงเบรกจากเครื่องยนต์ (Engine Brake) สามารถลดได้ 3 ระดับ
ส่วนฟังก์ชั่นเด่นอื่น ๆ เช่น ช็อค แอบซอร์เบอร์หน้า-หลัง เซ็ตอัพใหม่ รองรับการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้น ระบบดิสก์เบรก ABS ทั้งล้อหน้า-หลัง ระบบ Traction Control System (TCS) ช่วยลดอาการล้อลื่นไถล ปรับสมดุลการหมุนของล้อหน้า - หลังให้สัมพันธ์กัน ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop and Start System)