เปิดวิสัยทัศน์ วินฟาสต์ ไทย-อาเซียน ประสบการณ์ลูกค้าคือสมรภูมิใหม่ อีวี 

วินฟาสต์ (Vinfast) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหรือ อีวี (EV) จากเวียดนาม เตรียมเปิดตลาดในไทยอย่างเป็ฯทางการเดือนมิถุนายน หลังจากก่อนหน้านี้นำร่องด้วยการเข้าร่วมจัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์

ล่าสุด วินฟาสต์ แสดงวิสัยทัศน์ในงาน Future Mobility Asia 2024 โดยชี้ว่าตลาด อีวี ไทย และอาเซียนกำลังเติบโตสูง แต่อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง เช่น พื้นที่ในเมืองมีผู้คนหนาแน่น การจราจรที่ติดขัด ประชากรมีระดับรายได้แตกต่างกัน ดังนั้นอนาคตของการสัญจรอย่างยั่งยืนคือโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งในเมืองและชนบท

ฮานา วู ซีอีโอ วินฟาสต์ประเทศไทย กล่าวว่า ปรัชญาที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของวินฟาสต์เป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลก

โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์แข่งขันกันด้านความสามารถทางวิศวกรรม สมรรถนะการขับขี่ แต่วินฟาสต์มองว่าปัจจุบันภูมิทัศน์การแข่งขันเปลี่ยนไป นั่นคือ 

ประสบการณ์ของลูกค้ากลายเป็นสมรภูมิรบใหม่

ซึ่งวินฟาสต์เล็งเห็นกระแสนี้ ดังนั้นสิ่งที่จะดำเนินการคือความพยายามของบริษัทในการส่งเสริมให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้นำด้านการขนส่งที่ยั่งยืนผ่านโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

“ในฐานะผู้มาใหม่ในตลาดอีวีที่เติบโตรวดเร็วทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก วินฟาสต์พัฒนาขีดความสามารถของเราอย่างต่อเนื่องสร้างนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับแต่ละตลาด” ฮานา กล่าว

ทั้งนี้แนวทางของ วินฟาสต์ ที่จะดำเนินการประกอบด้วย

นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์จนถึงรถเอสยูวี และปิกอัพ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มตลาดต่างๆ

• ตลาดกลุ่มครอบครัวหนุ่มสาวที่ต้องการรถยนต์สำหรับการใช้งานในเมือง เหมาะกับรถ e-SUV อย่าง VF e34 มีขนาดกะทัดรัดและมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง 
• ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทที่ต้องการรถยนต์ที่ทนทาน VF5 (รุ่นแรกที่จะเปิดตัวในไทย) เป็นรุ่นที่จะตอบโจทย์ ไม่ว่าจะป็นระยะห่างจากพื้น และความยืดหยุ่นในการใช้งานบนภูมิประเทศต่างๆ
• ลูกค้าที่ต้องการรถบรรทุกสำหรับการทำงาน สามารถเลือกรถปิกอัพ อีวี VF Wild ที่ใกล้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกไม่นานจากนี้
• ผู้ที่มองหารูปแบบการเดินทางที่สนุกสนานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถเพลิดเพลินกับการขี่จักรยานไฟฟ้า VF DrgnFly

นอกจากนี้ วินฟาสต์ยังให้ความสำคัญกับนโยบายหลังการขาย รวมถึงตลาดประเทศไทย

“เราจะรับประกันและบริการลูกค้าเป็นเวลา 7-10 ปี หรือ 160,000-200,000 กม. ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในตลาดของประเทศไทย" ฮานา กล่าว

นอกจากนี้วินฟาสต์มองว่า แม้ความต้องการอีวีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้น แต่ก็มีอัตราการนำมาใช้ที่แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศ ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะส่งเสริมการใช้งานคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ

โดยวินฟาสต์ มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จผ่านความร่วมมือกับ V-GREEN ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดย Pham Nhat Vuong ผู้ก่อตั้ง วินฟาสต์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้

ในขั้นต้น V-GREEN จะมุ่งเน้นการศุกษาข้อมูลเพื่อหาพันธมิตรสถานที่จัดตั้งและขยายเครือข่ายสถานีชาร์จในตลาดโลก นอกจากนี้ V-GREEN จะร่วมมือกับพันธมิตรบุคคลที่สามสำหรับการให้บริการชาร์จรถยนต์วินฟาสต์

นอกจากนี้วินฟาสต์เห็นถึงความซับซ้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น วินฟาสต์ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในแต่ละตลาดเป้าหมาย

“การขยายเครือข่ายการขายไปยังเมืองใหญ่ๆ และมอบโซลูชันการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย สะดวก และชาญฉลาด การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่งของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและดูแลรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม บริษัทต่างๆ เช่น วินฟาสต์ กำลังปูทางไปสู่ระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนและสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น” ฮานากล่าว