Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

เป็นรถที่ได้รับความสนใจมากทีเดียว นับตั้งแต่ฟอร์ดเริ่มเผยแพร่ข่าว เจเนอเรชั่น ใหม่ของปิกอัพ เรนเจอร์ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ต่อเนื่องมายังต้นปีนี้ 

ครั้งนี้ฟอร์ดไม่ปล่อยให้รอนานเหมือนกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้าที่เผยโฉมแล้วรอเป็นปีกว่ารถจริงจะมา เพราะคราวนี้ฟอร์ดเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ช่วงปลายเดือน มี.ค. ร่วมกับ แร็พเตอร์ และ พีพวี เอเวอเรสต์ และพร้อมจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงปลายๆ เดือนนี้ สำหรับ เรนเจอร์ ส่วนเร็พเตอร์น่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3

เรนเจอร์ ใหม่ จะมีรุ่นย่อยรวม 19 รุ่น

ซึ่งในกลุ่มไวล์ดแทรคมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย และสำหรับรหันที่ได้รับความนิยมสูงอย่างไวล์ดแทรคนั้นมี 3 รุ่นย่อยจาก 2 เครื่องยนต์ คือ 2.0 เทอร์โบ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ 2.0 ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ทั้ง 2 รุ่น 

แต่วันนี้ผมจะพาไปพบกับตัวท็อปสุด ไบ เทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ครับ 

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร ตัวนี้ ให้กำลังสูงสุด  210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ปรับจูนใหม่ ที่ฟอร์ดบอกว่าช่วยลดการสูญเสียพลังงานในช่วงการเปลี่ยนเกียร์ลง ซึ่งตามหลักการ ก็คือจะทำให้การทำงานลื่นไหลขึ้น และประหยัดขึ้น 

 

 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

เจนฯ ใหม่ผมว่าแนวทางการออกแบบทำได้ดี ดูดุดัน และที่สำคัญคือ ดูมีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังมีการเติมรายละเอียดหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการที่ส่งทีมงานไปฝังตัวอยู่กับลูกค้าที่ใช้ปิกอัพจริง หลายสาขาอาชีพในหลายประเทศ แน่นอน รวมถึงไทย

เป็นต้นว่า การออกแบบบันไดบริเวณท้ายรถเพื่อให้การขึ้นลงกระบะท้ายทำได้ง่าย จากปกติไม่ปีนฝาท้ายโดยตรง ก็ปีนยางขึ้นไป
หรือว่าออกแบบฝาท้ายแบบมีสปริงผ่อนแรง ทีนี้เจ้าของรถต่อให้เป็นสาวๆ อรชรอ้อนแอ้นก็สามารถ เปิดเปิดได้ด้วยมือเดียว หรือ นิ้วเดียวด้วยซ้ำไป 

ฝาท้ายเปิดมาจะพบช่องยึด ซี แคลมป์ เอาไว้ทำงานทางได้ ยึดแผ่นไม้ แผ่นเหล็ก หรืออะไรก็ตามได้ และที่กระบะท้ายก็ยังมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ 400  วัตต์ 2 ช่อง จะต่อเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ต้องลากสายเข้าไปในห้องโดยสาร หรือจะไปออกแคมป์ก็ยังได้ 

และก็ออกแบบให้มีที่วางแก้วบนฝาท้ายอีกด้วย 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

กระบะท้ายยังเจาะช่องเอาไว้ฝั่งละ 3 ช่อง เพื่อใช้ร้อยเชือกยึดสัมภาระท้ายรถให่แน่นหนา พร้อมฝาปิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน 

และสำหรับรุ่นนี้ที่เป็นตัวท็อป ขอบฝากระโปรง ติดตั้งแรคมาให้ ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นเหมือนอุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่มมุมมองสปอร์ตเท่านั้น แต่ยังเสริมประโยชน์ใช้งาน กรณีต้องการติดตั้งอุปกรณ์บางอย่าง ก็ทำได้เลย 

ส่วนภายในห้องโดยสาร ออกแบบดูเรียบง่ายขึ้น แต่ทันสมัยขึ้น มอนิเตอร์ตรงกลางคอนโซลมีขนาดใหญ่ เห็นชัด ใช้งานง่าย และรวมการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งความบันเทิง ไปจนถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง หรือ ล็อคเฟืองท้าย หรือ ระบบช่วยลงเนิน ฯลฯ 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

ส่วนจอแสดงข้อมูลการขับขี่หลังพวงมาลัยขนาด 8 นิ้วเห็นชัดเจน สวยงาม ทรงเหลี่ยมๆ ดูย้อนยุค แต่มีเสน่ห์ดีครับ 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

ทางด้านโครงสร้างรถ ใช้แชสซีส์ รหัส T6 เหมือนกับรุ่นที่แล้ว แต่เป็นการต่อยอดพัฒนาขึ้นมา โดยฟอร์ดเรียกว่าเป็น T6 เจนฯ 3 พร้อมกับยืดระยะล้อหน้าไปด้านหน้า 50 มม. และเพิ่มความกว้างช่วงล้อทั้งหน้าและหลังเพิ่มขึ้น 50 มม. และปรับตำแหน่งการติดตั้งช็อคแอบซอร์เบอร์ ออกไปอยู่ด้านนอกแชสซีส์ 

การยืดล้อหน้าออกไป ทำให้ฐานล้อยาวขึ้น โอเวอร์แฮงก์สั้นลง ในเชิงเทคนิคมันจะช่วยการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดดีขึ้น ลดความเสี่ยงที่กันชนหน้าจะไปขุดดินขุดหินในจังหวะปีนเนินหรือเมื่อลงจากเนินถึงพื้นล่าง และในเส้นทางเรียบ บนถนนทั่วไป ก็จะมีผลให้ความคล่องตัวเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักที่อยู่เลยล้อออกไปลดลง 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

ในทางปฏิบัติ ก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้จริง การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดเท่าที่ได้ลอง ไม่มีปัญหาอะไร รถผ่านไปได้โดยไม่เสียหาย กำลังเครื่องเยนต์เหลือเฟือ แถมยังมีโหมดการขับขี่ที่หลากหลายทั้งทางลื่น ทางโคลน ทางทราย ทางหิน ให้เลือก ทำให้ปัญหาต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่าย 

ส่วนตัวเครื่องยนต์ แรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร ทำให้ผ่านไปได้ไมยาก เลือกระบบขับเคลื่อนให้ถูก แตะคันเร่งเบาๆ 

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

ขณะที่การขับบนท้องถนนทั่วไป เมื่อรวมกับการเซ็ทอื่นๆ รวมถึงตำแหน่งช็อค แอบซอร์เบอร์ ข่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น แม้ว่าครั้งนี้ฟอร์ดจะปรับช่วงล่างใหม่ให้นุ่มนวลมากขึ้นก็ตาม

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

ซึ่งจุดนี้ถือว่า ฟอร์ดทำได้ดี เพราะว่าความนุ่มนวลนั้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ถูกใจผู้โดยสารเพราะนั่งได้สบายขึ้น การกระแทกกระทั้นสั่นสะเทือนลดลง ขณะที่ในมุมผู้ขับขี่ อารมณ์สปอร์ตหายไปไหน ยังเป็นปิกอัพที่ขับได้สนุก การทรงตัว 

การขับขี่ในเส้นทางไปกลับ ภูเก็ต-พังงา ราวๆ 200 กม.ขับได้สบายๆ แม้ใช้ความเร็ว รถทรงตัวดี คุมง่ายไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงทางตรง หรือทางโค้ง 

พวงมาลัย ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าผ่อนแรง ทำให้ฟอร์ดสามารถเซ็ทการตอบสนองได้ดี ผ่อนแรงได้แม่นยำ การขับที่ความเร็วต่ำเบามือ และน้ำหนักเพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุม 

เรนเจอร์ ยืนยัน อารมณ์สปอร์ตของตัวเองยิ่งขึ้น เมื่อผมผ่านช่วงเขานางหงส์ที่เป็นเส้นทางโค้งแคบๆ ถี่ๆ และลึกๆ หลายช่วงโยกรถซ้ายทีขวาทีสลับกันไปมา

Ford Ranger Wildtrak เติมความนุ่มนวล คงอารมณ์สปอร์ต

จุดนี้เรนเจอร์ทำได้ดี พวงมาลัยแม่นยำ ล้อหน้าจิกโค้งแม่นยำและเหนียวแน่นไม่วอกแวกไปไหน บางจังหวะที่เติมความเร็วมากขึ้น มีเส่ียงยางหลังบดกับถนนเข้ามาเล็กน้อย เตือนว่าคุณจะใช้ความเร็วเกินไปแล้วนะ แต่ก็แค่นั้น แค่ล้อหลังสู้กับแรงหนีศูนย์กลาง และก็สู้ได้ดี เพราะรถยังอยู่ในช่องทาง โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องแก้อาการอะไรทั้งสิ้น แค่ใช้คันเร่งกับพวงมาลัยให้เหมาะสม แค่นั้น 

ขณะที่การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็ทำได้น่าพอใจ จังหวะการเร่งแซง การไต่ความเร็ว รวดเร็ว

โดยสรุป ถ้าใครอยากได้ปิกอัพที่ขับสนุก ให้อารมณ์สปอร์ต เดินทางไกลไม่เหนื่อย เรนเจอร์ ไวล์ด์แทรค คันนี้ตอบสนองความต้องการนั้นได้ครับ