10 ที่เที่ยวเดือน ก.ย. ต้องไปให้ได้ก่อนหมดหน้าฝน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าหนาวเป็นฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว แต่เชื่อเถอะว่าหน้าฝนแบบนี้ ธรรมชาติในบ้านเราหลายแห่งก็น่าเที่ยวไม่แพ้กันโดยเฉพาะบางสถานที่ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็จะฟื้นขึ้นมามีชีวิตชีวาสวยงามแอบแฝงไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ส่งเสียงเรียกเหล่าคนรักธรรมชาติให้มาดื่มด่ำ เติมเต็มหัวใจกันไม่ขาดสาย ซึ่งวันนี้เรามี 10 สถานที่เด็ดที่ห้ามพลาดก่อนหมดหน้าฝนนี้มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
1. แก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี
เมื่อถึงหน้าฝนมาถึง สายแอดเวนเจอร์ต้องนึกถึงการล่องแก่งอย่างแน่นอน และที่แก่งหินเพิง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรี ก็เป็นสถานที่ฮอตฮิตสำหรับสายลุย เดินทางมาท้าทายล่องแก่งผ่านแก่งหินต่างๆ และสายน้ำที่เชี่ยวกรากกันตลอดช่วงหน้าฝน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่มักจะซื้อแพคเกจทัวร์ล่องแก่งพร้อมที่พักสำหรับการพักผ่อนก่อนหรือหลังไปออกกำลังกายในการฝ่าสายน้ำอย่างหนักหน่วง
- ค่าเข้า : ค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ค่าล่องแก่ง คนละ 300-500 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
2. น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก
สายน้ำที่ไหลหลากเป็นสายน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลดหลั่นกันมาตามหน้าผาสูงท่ามกลางผืนป่าเขียวขจีแห่งนี้ มีดีกรีเป็นถึงน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือน้ำตกทีลอซู ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก ในสมัยก่อนนั้นการเข้าถึงน้ำตกแห่งนี้ ถือเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องเดินเท้า ล่องแก่ง เรียกว่าต้องทรหดอดทนมาก เพื่อฝ่าฟันไปชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูแห่งนี้ แต่ปัจจุบันนั้นการเดินทางมีการพัฒนาขึ้นมาในระดับหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องลำบากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังรักษาความโหดเอาไว้เหมือนเดิมอยู่ดี เสน่ห์ของที่นี่จึงไม่ได้มีแค่ความสวยที่ปลายทางเพียงอย่างเดียว เพราะระหว่างทางเดินเท้าหลายสิบกิโลเมตรนั้นก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน
- ค่าเข้า : ค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คนละ 20 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน
3. ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
ทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงท่ามกลางลานป่าสนสามใบของที่นี่ ถือเป็นภาพเรียกแขกของ “ภูสอยดาว” ในยามฝนหลั่งเลยก็ว่าได้ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ฮอตฮิต ที่นักท่องเที่ยวใจรักการผจญภัย เดินป่าฝ่าเนินสูงชัน ลุยสายฝนที่บางครั้งตกทั้งวันทั้งคืน เพื่อขึ้นไปพิชิตยอดเขาที่เค้าว่ากันว่า ติด 1 ใน 5 ที่เดินยากที่สุดในเมืองไทย แต่เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงด้านบนแล้ว ก็จะพบกับวิวธรรมชาติสวยงามที่โอบล้อม ทั้งหมอกขาว ลานสนสามใบและดอกหงอนนาคที่เป็นไฮไลท์ซึ่งหาดูได้เฉพาะเดือน สิงหาคม – กันยายนเท่านั้น
- ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 14.00 น.
4. น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก
น้ำตกปิตุ๊โกร หรือ เปโตร๊ะลอซู เป็นน้ำตกที่มีความสูงกว่า 500 เมตร ตั้งอยู่ในเขตดอยมะม่วงสามหมื่น จ.ตาก หากมองจากระยะไกล จะเห็นน้ำตกแห่งนี้ไหลผ่านหินผาเป็นรูปหัวใจ เหมาะมากกับการชักชวนคู่รักไปท้าทายความโหดของการเดินทาง เพื่อพิชิตน้ำตกที่แสนโรแมนติกแห่งนี้ เพราะนอกจากระยะทางที่ต้องเดินเท้าขึ้นลงยอดเขาหลายต่อหลายลูก และต้องพักค้างแรมกันอีกหนึ่งคืนด้วย
- ค่าเข้า : ค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คนละ 20 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน
5. บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่
บ้านป่าบงเปียง ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่จะได้ชมวิวนาขั้นบันไดสีเขียว สลับซับซ้อนไปตามเทือกเขาในช่วงฤดูฝน สเน่ห์ของที่นี่จึงดึงดูดผู้ที่มีใจรักในการถ่ายภาพ และนักท่องเที่ยวที่ชอบมองสีเขียว มาเก็บภาพบรรยากาศท้องทุ่งนาในหน้าฝน ซึ่งถ้าหากโชคดีอาจจะได้พบกับสายหมอกที่คลอเคลียตามไหล่เขาในยามเช้า และแสงอาทิตย์ที่ทะลุผ่านก้อนเมฆส่องแสงลงมาย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีทองชั่วขณะ จนกลายเป็นภาพที่สวยงามมาก
- ค่าเข้า : ไม่มี
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
6. ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
ทุ่งดอกกระเจียว หรือทุ่งดอกบัวสวรรค์ หลากหลายสี ทั้งขาว ชมพู ม่วง จะบานสะพรั่งเต็มลานตัดกับสีเขียวขจีของทุ่งหญ้าในช่วงฤดูฝนทุกปี สำหรับใครที่ต้องการไปชมความสวยงามของทุ่งดอกบัวสวรรค์นี้ ที่จังหวัดชัยภูมินั้น จะมีให้ชมอยู่ 2 ที่ ก็คือ อุทยานแห่งชาติไทรทอง และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งเวลาที่แนะนำสำหรับการเดินเท้าเข้าไปชมดอกกระเจียวก็คือช่วงเช้าตรู่ ซึ่งต้องไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น เพราะจะได้พบกับบรรยากาศของสายหมอกจางที่ลอยอยู่เหนือทุ่งดอกกระเจียว กระทบกับแสงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น รับรองว่าสวยงามควรค่ากับการตื่นแต่เช้าเลยทีเดียว
- ค่าเข้า : ไม่มี
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น.
7. ล่องแก่งน้ำว้า จังหวัดน่าน
ล่องแก่งน้ำว้า เป็นสถานที่ที่ติดอันดับของการล่องแก่งที่มีความยากในลำดับต้นๆ ในประเทศไทย ทำให้คอเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์เดินทางมาท้าทายความยากที่สายน้ำแห่งนี้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่การล่องแก่งของที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะน้ำในแม่น้ำจะไหลเชี่ยวขึ้น จนมีความยากถึงระดับสูงสุด โดยเส้นทางล่องแก่งลำน้ำว้า ได้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงได้แก่ ตอนบน สำหรับผู้เชี่ยวชาญ มีระยะทางประมาณ 35 กม. ตอนกลาง ซึ่งเป็นเส้นทางยอดฮิตของการล่องแก่งน้ำว้า เพราะจะเป็นทริปล่องแก่งแบบ 2 วัน และต้องพักค้างแรมกลางป่าอีก 1 คืน และตอนล่าง สำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากสนุกสนานแบบชิลๆ ด้วยระยะทางประมาณ 15 กม.
- ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.
8. น้ำตกผาดอกเสี้ยว จังหวัดเชียงใหม่
น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรืออีกชื่อที่เรียกว่าน้ำตกรักจัง เพราะที่นี่เคยถูกใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง รักจัง ที่มีนักร้องหนุ่มอย่างฟิล์ม รัฐภูมิเป็นพระเอก การจะเข้าไปชมความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ จะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกผาดอกเสี้ยวในชั้นแรก จากตัวน้ำตกที่มีทั้งหมด 10 ชั้น ส่วนชั้นที่มีสะพานไม้ที่ปรากฏในหนัง ก็คือน้ำตกชั้นที่ 7 นั่นเอง สำหรับการเดินทางไปชมน้ำตกแห่งนี้ ต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นนำทางที่หมู่บ้านแม่กลางหลวงก่อนเข้าชม เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และช่วยสนับสนุนให้คนในท้องถิ่นมีรายได้
- ค่าเข้า : ค่าจ้างไกด์ท้องถิ่น 200 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.
9. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์
ภูทับเบิก อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็นตลอดปี สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างสุดลูกตา ทั้งอำเภอหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก ทะเลภูเขาที่สลับซับซ้อนของเขาค้อ จนเหมือนยืนชมวิวอยู่เหนือเมฆยังไงยังงั้น และในช่วงหน้าฝนยังสามารถพบเห็นทะเลหมอกได้ง่ายกว่าทุกฤดู ซึ่งสเน่ห์สำคัญที่เป็นจุดดึงดูดของภูทับเบิก คงหนีไม่พ้นไร่กะหล่ำปลีที่กินพื้นที่หลายไร่บนยอดเขาแห่งนี้ก็สามารถหาดูได้ในหน้าฝนเช่นกัน
- ค่าเข้า : ไม่มี
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
10. ดอยอินททนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
ดอยอินทนนท์ ยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าหนาว เพราะหน้าฝนนั้นก็สวยและสดชื่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีอยู่หลายที่ให้ได้เดินเท้าเข้าไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำ ดื่มด่ำกับสีเขียวสดของต้นไม้อายุหลายร้อยปี ที่สวยงามเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ตัดผ่านป่าดงดิบ ทั้งเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว
- ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-16.30 น.
ถึงแม้หน้าฝนอาจจะเฉอะแฉะไปบ้าง แต่บางสถานที่ก็จะมีช่วงเวลาสวยงามมีเสน่ห์ในตัวเอง ซึ่งสถานที่ๆ เราแนะนำทั้ง 10 สถานที่ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สุดฮิตทั้งนั้น ขอแค่ลองเปิดใจออกไปเที่ยวหน้าฝน อาจจะได้พบความสวยงามของธรรมชาติที่เผยเสน่ห์ออกมาท่ามกลางสายฝนก็เป็นได้ และเพื่อการไปเที่ยวในหน้าฝนราบรื่นเที่ยวได้อย่างสนุกก็ควรจองที่พักล่วงหน้าไว้ด้วย แน่นอนว่าคุณสามารถจองที่พักออนไลน์ผ่าน Tarveloka ได้เลย สามารถคลิกได้ที่ลิ้งค์นี้ >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel มีที่พักให้เลือกเยอะแยะมากมายทั่วประเทศไทยเลย









