ECMO ตัวช่วยผู้ป่วยวิกฤติ

ที่ผ่านมาการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการปอดอักเสบ หรือ ติดเชื้ออย่างรุนแรง อาจทำให้อาการแย่ลงและเสียชีวิตระหว่างทางได้ ทว่าปัจจุบันสามารถจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหนึ่งไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งสามารถทำได้ โดยมีความปลอดภัยมากขึ้นได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า ECMO
ECMO ย่อมาจาก Extracorporeal Membrane Oxygenation หรือเครื่องหัวใจและปอดเทียม เป็นเครื่องมือที่ช่วยการทำงานแทนของหัวใจและปอดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล และประโยชน์ของ ECMO ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาการหนักที่ไม่ค่อยสามารถเคลื่อนย้ายได้ไปยังโรงพยาบาลที่มีความสามารถในการรักษาที่ได้เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุดโดยหลักการทำงานจะมีการใส่สายไปในหลอดเลือดของผู้ป่วย เลือดดำจะถูกดูดออกมาฟอกผ่านปอดเทียม ได้เป็นเดือดแดง และถูกปั๊มพ์ออกไปเลี้ยงร่างกาย ทดแทนการทำงานของปอด และหัวใจของผู้ป่วยในสภาวะที่การรักษาตามปกติไม่สามารถช่วยได้
นพ. โชคชัย สุวรรณกิจบริหาร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหนัก เช่น หัวใจ หรือ ปอดล้มเหลว ใช้เครื่องช่วยหายใจแล้วก็ไม่สามารถจะช่วยผู้ป่วยได้ สามารถนำเครื่องหัวใจและปอดเทียม (ECMO)ไปใส่ให้ผู้ป่วยและย้ายมายังโรงพยาบาลใหญ่ที่มีความพร้อมทั้งทีมแพทย์และอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ
ปัจจุบันเครื่องECMOถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงสามารถเคลื่อนย้ายสะดวกจากเดิมที่จะใช้ในห้องผ่าตัดมากทำให้จากเดิม ที่ใช้ได้เฉพาะในห้องผ่าตัด สามารถเคลื่อนย้ายโดยง่าย สามารถนำไปใช้สำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลนอกห้องผ่าตัดหรือใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตระหว่างโรงพยาบาล ด้วยความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
" ในกรณีที่ปอดแย่มากมีความผิดปกติเยอะจนกระทั่งทำให้ปอดเดิมของผู้ป่วยไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และการรักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการใส่ท่อช่วยหายใจให้ออกซิเจน เครื่องทำหน้าที่แทนปอดของผู้ป่วย หรือกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจทำงานไม่ดี ให้ยาแล้วความดันไม่ขึ้น เครื่องนี้ทำหน้าที่แทนหัวใจของผู้ป่วย"
นพ. โชคชัย ระบุว่า ข้อบ่งชี้ในการใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียม (ECMO) คือ กรณีปอดเสียมากวิธีการรักษาที่มีอยู่ไม่สามารถรักษาได้ กับภาวะหัวใจผิดปกติที่ให้ยาแล้วผู้ป่วยไม่ดีขึ้น จึงใช้เครื่องนี้ใส่เข้าไปหลักการเครื่องจะทำหน้าที่แทน ปอด หรือหัวใจ หรือทั้งปอดและหัวใจของผู้ป่วย โดยเครื่องจะดูดเอาเลือดดำมาฟอกด้วยปอดเทียม และปั๊มพ์ไปเลี้ยงร่างกายของผู้ป่วย รอจนกว่าอวัยวะที่มีความเจ็บป่วยจะดีขึ้น แล้วจึงถอด ECMO ออกจากผู้ป่วย
" ถ้าทำงานแทนปอดก็เอาไปใส่ที่หลอดเลือดดำ เลือดแดงที่ฟอกในเครื่องECMO ก็ไปเลี้ยงร่างกาย ทดแทนการทำงานของที่เสียไป และรอจนกว่าปอดสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้าไปช่วยหัวใจก็ใส่ไปที่หลอดเลือดแดง จะเห็นว่าเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้ร่างกายหรืออวัยวะอื่นๆ ได้รับเลือด ได้รับออกซิเจน ทำให้ความดันตามปกติ ทดแทนการทำงานของหัวใจ และรอจนกว่าหัวใจจะฟื้นตัว ทำงานใกล้เคียงปกติ จึงถอดเครื่อง ECMO ออกเมื่ออาการต่างๆ ดีขึ้นถึงเอาเครื่องมือนี้ออกได้ "
ศัลยแพทย์หัวใจ อธิบายว่า เครื่องหัวใจและปอดเทียม เป็นเครื่องช่วยเพื่อการรักษา 'ไม่ใช่' การยื้อชีวิต หากถ้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปอดที่ไม่สามารถฟื้นตัวได้ การใส่เป็นการยื้อชีวิต หรือบางกลุ่มที่มีภาวะสมองตาย ก็ไม่ช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต ฉะนั้นแพทย์จะใช้กับกลุ่มผู้ป่วยที่มีโอกาสรอด 2 กลุ่มหลักคือผู้ป่วยที่ปอดอักเสบเสียหายมาก กับกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ ทั้งนี้เนื่องจาก ในกลุ่มผู้ป่วยที่ปอดเสียมากหากรักษาด้วยวิธีเดิมโอกาสเสียชีวิตสูงถึง70% ที่เหลือ 30% รอดชีวิต แต่ถ้าใช้เครื่องEMCO จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตเพิ่ม50-60% ส่วนในกรณีของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย หัวใจที่ปกติทำหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ปั๊มเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ถ้าหัวใจทำงานไม่ดีไม่ว่าจะเป็นเหตุใดก็ตามโอกาสเสียชีวิตสูงถึง70% แต่ถ้าใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมมาช่วยจะเพิ่มโอกาสรอด70%ซึ่งตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว
ตัวอย่าง ผู้ป่วยหญิงอายุ 25ปีมาจากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียมาเที่ยวภาคเหนือ 2สัปดาห์เกิดภาวะท้องเสียจากไวรัสทำให้หัวใจทำงานผิดปกติเนื่องจากติดเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และเชื้อไวรัส ลามไปกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบความสามารถในการบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกายลดเหลือ20% จากปกติ60-80 % จนทำให้ไตเริ่มมีปัญหา ให้ยาแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จึงใส่เครื่องECMO ให้กับผู้ป่วย เพื่อประคบประคองร่างกายให้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ แล้วทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมารับการรักษาที่รพ.ด้วยเครื่องบิน และรอจนกระทั่งหัวใจฟื้นกลับมาทำงานใกล้เคียงปกติ ซึ่งในรายการนี้ใช้เวลาประมาณ 4-5วัน จึงถอด ECMO ออกจากผู้ป่วยและบินกลับประเทศ
อีกรายหนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปี ผ่าตัดแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนมีฟองอากาศและลิ่มเลือดไปอุดในปอด แพทย์ที่รักษาจึงใส่ท่อช่วยหายใจแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จึงใส่เครื่องECMO แล้วพามารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพจนกระทั่งปอดฟื้นตัวดีขึ้น ความจำเป็นในการใช้ECMO น้อยลง จึงค่อยๆลดเครื่องลงและถอดออกคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
" จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเรามีคนไข้มากกว่า 30 คนที่รักษาโดยใช้เครื่อง ECMO ครึ่งหนึ่งที่ใส่เครื่องแล้วย้ายมารักษาต่อที่นี่ จากสมัยก่อนที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้หรือไม่มีวิธีรักษาแล้ว ECMO จึงเป็นคำตอบในเรื่องของการพยุงให้คนไข้มีโอกาสรอด มากขึ้น แทนที่จะหมดความหวังเพราะปัจจุบันมีโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้น ด้วยการใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียมประคับประคองอวัยวะสำคัญระหว่างการเคลื่อนย้ายให้มีความปลอดภัยสูงสุดโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ "











