เขื่อนขุนด่านปราการชล แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คุโณปการชาวนครนายก

“เขื่อนขุนด่านปราการชล” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแหล่งน้ำและระบบชลประทานขนาดใหญ่ ที่เก็บกักและจัดสรรน้ำเพื่อช่วยให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร และอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยหรือน้ำท่วมในจังหวัดนครนายกที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี

ภายใต้ภารกิจหลักของกรมชลประทานนอกจากการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบแล้ว ที่เขื่อนขุนด่านปราการชลแห่งนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของจังหวัดนครนายก ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติที่คงความอุดมสมบูรณ์ ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน  ให้ดีขึ้นด้วย

นายเจษฎา บุญสุยา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล เล่าว่า ตั้งแต่  มีการสร้างเขื่อนขุนด่านปราการชลแล้วเสร็จในปี  2547 ทางกรมชลประทานได้เริ่มเก็บกักน้ำ และสามารถใช้งานได้ในปี 2548 โดยโครงการส่งน้ำบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในหลายเรื่อง

เรื่องแรกคือ การส่งน้ำให้กับพื้นที่ภาคเกษตรรวม 185,000 ไร่ มีเกษตรกรได้รับผลประโยชน์กว่า 9,000 ครัวเรือน  เรื่องที่สองคือ การผลักดันน้ำเค็มที่แม่น้ำบางปะกง ที่จะต้องใช้น้ำในการดูแลเรื่องนี้ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เรื่องที่สามคือ การป้องกันอุทกภัย หรือป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครนายก เรื่องที่สี่ คือการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในจังหวัดนครนายก 

และเรื่องที่ห้า คือ เรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งพื้นที่เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจังหวัดนครนายก ชาวบ้านในพื้นที่ได้ประโยชน์จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ช่วยสร้างรายได้จากมีสภาพแวดล้อมที่มีความสมบูรณ์ 100% ในส่วนของตัวเขื่อนเองมีการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่    สีเขียว และมีการดูแลในเรื่องของความสะอาด มีความร่มรื่น และน่าเที่ยวชม

“ส่วนท้ายเขื่อนเราจะมีในเรื่องของการล่องแก่ง ในพื้นที่ตรงนี้เราจะมีการล่องแก่งวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันจันทร์สำหรับนักท่องเที่ยว ตรงนี้เราดูแลในเรื่องของความสะอาด ดูแลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ดูแลในเรื่องขยะต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ โดยพื้นที่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์และมีการดูแลให้เป็นไปตามระบบ ระเบียบที่โครงการวางไว้ทุกประการ”