ใช้ชีวิตร่วมกับ “พลาสติก” ในมุมใหม่

“พลาสติก” กลายเป็นจำเลยของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย จากปริมาณขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี โดยประเทศไทยรั้งอันดับ 5 ของประเทศที่ปล่อยขยะลงสู่ทะเลมากที่สุดในโลก ซึ่งกว่าครึ่งของขยะกว่า 8 ล้านตันเหล่านั้น พบว่าเป็นพลาสติก
ด้วยเหตุนี้ หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน จึงให้ความสนใจและร่วมกันหาวิธีแก้ไข ผ่านการกำหนดนโยบายในการจัดการขยะ ทั้งแคมเปญรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก การรีไซเคิล รวมไปถึงการเลี่ยงการใช้พลาสติก
ปัญหาขยะจากพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปทั่วโลกนั้นสามารถแก้ไขจัดการได้ หากผู้ผลิตและผู้ใช้พลาสติกซึ่งก็คือมนุษย์จะมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยทั่วกัน
ผู้คนจึงเริ่มหันมาเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตภัณฑ์จากกระดาษ หรือขวดแก้วกันมากขึ้น แต่หากลองเปรียบเทียบไปถึงกระบวนการผลิตแล้ว พลาสติกใช้พลังงาน ทรัพยากร และสารเคมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างถ้วยพลาสติกนั้นใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าถ้วยกระดาษถึง 30 เท่า และยังใช้ปิโตรเลียมในการผลิตน้อยกว่าถ้วยกระดาษถึง 12% อีกทั้งใช้สารเคมีในการผลิตน้อยกว่าถ้วยกระดาษ 15 เท่า
ไม่ใช่แค่ถ้วยพลาสติกเท่านั้น ขวดพลาสติกก็เช่นกัน ใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าขวดแก้วถึง 16% และใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าขวดแก้วประมาณ 37% อีกด้วย รวมถึงถุงพลาสติกที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ยังใช้ทรัพยากรเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้อยกว่าถุงกระดาษ 50% และใช้พลังงานในการผลิตเพียง 30% ของถุงกระดาษ
หากลองเปลี่ยนมุมมองและพิจารณาถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของพลาสติกแล้ว จะเห็นว่ายังมีกระบวนการผลิตที่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าผลิตภัณฑ์กระดาษ หรือขวดแก้ว ซึ่งพลาสติกนั้นอยู่กับเราในชีวิตประจำวัน และสร้างประโยชน์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน การเกษตร ยานพาหนะ หรือแม้แต่เวชภัณฑ์ต่างๆ ล้วนแต่มีพลาสติกเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพลาสติกให้ได้เต็มที่ โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราจึงจำเป็นต้องสร้างจิตสำนึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลาสติกด้วยความรับผิดชอบอย่างรู้คุณค่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ เข้าใจและให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมทางสังคม เพื่อรณรงค์และส่งต่อความรู้ในการใช้พลาสติกต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง
เช่น ที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด หรือ จีซี ก็มีโครงการ “UPCYCLING THE OCEANS THAILAND” ดูแลปกป้องทะเลไทย นำขยะมาเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม Upcycling the Oceans เป็นการสร้างจิตสำนึกให้กลุ่มประมงเรือเล็กและประชาชนทั่วไป ตระหนักถึงปัญหาขยะในทะเลและร่วมเก็บขยะในทะเล เพื่อนำมาแปรรูปเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นภายใต้แบรนด์ Ecoalf
หรือโครงการ “Plastic Rights” ของ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการสื่อสาร รณรงค์ส่งเสริมความรู้และจิตสำนึกในการใช้พลาสติกแบบรักษ์โลก ด้วยแนวคิด “พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย รักษ์โลกได้ ถ้าใช้พลาสติกเป็น” โดยเน้นหลักการ 3Rs คือ Reduce ลดการใช้ลง เลือกใช้เท่าที่จำเป็น Reuse นำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นและนานขึ้น และ Recycle แยกก่อนทิ้งเพื่อแปรรูปมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้อีกครั้ง
และแม้แต่ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 1,700 สาขาทั่วประเทศ ก็ยังใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเสนอ โครงการ “แยก แลก ยิ้ม” คัดแยกขยะรีไซเคิล เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษา เครื่องมืออุปโภค และสาธารณูปโภคในแต่ละชุมชน รวมไปถึงโครงการ “ฃวด แลก ยิ้ม” ที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ได้นำตู้รับคืนขวดพลาสติกที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้สำหรับรับคืนขวด เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาร่วมกันแยกขยะมากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากความพยายามในการรณรงค์ และส่งเสริมความเข้าใจในการใช้พลาสติกอย่างมีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว กลุ่ม ปตท. ยังได้มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยให้พลาสติกได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในรูปแบบของพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics)
พลาสติกชีวภาพ ก็คือ พลาสติกที่ผลิตจากวัตถุดิบทางการเกษตร (Bio-based) เช่น แป้งหรือน้ำตาล ซึ่งได้จากพืชที่สามารถปลูกทดแทนหมุนเวียนและสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ และจากน้ำมันปิโตรเลียม (Petro-based) โดยพลาสติกชีวภาพเหล่านี้ มีลักษณะคล้ายพลาสติกทั่วไป สามารถนำมาหลอมและผลิตด้วยกระบวนการขึ้นรูปตามปกติด้วยเครื่องจักรทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เช่นที่เห็นจากแก้วพลาสติกของ Café Amazon ที่สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะที่เหมาะสม ในเวลา 3 - 6 เดือน
นวัตกรรมการผลิตพลาสติกชีวภาพ จึงนับเป็นการเพิ่มคุณค่าและปรับมุมมองใหม่ให้กับพลาสติก ได้ทำหน้าที่สร้างประโยชน์แก่ผู้คนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สุดท้ายแล้ว หากทุกคนในสังคมมีจิตสำนึกรักษ์โลกร่วมกันปรับพฤติกรรมในการใช้พลาสติกและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงตอนนั้นคุณค่าของพลาสติกจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และในขณะเดียวกันการแก้ไขปัญหาขยะจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้แน่นอน









