มะเร็งเต้านม....รู้ก่อน รักษาได้ ไม่เสียเต้า...

ผู้หญิงนั้นมีความน่ากังวลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงโรคภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือโรคมะเร็ง ซึ่งโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งเลย ยังไงก็หนีไม่พ้น “มะเร็งเต้านม” นั่นเอง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม
- ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี
- ผู้หญิงที่ประจำเดือนหมดหลังอายุ 55 ปี
- ผู้หญิงที่ไม่เคยตั้งครรภ์
- ผู้หญิงที่มีบุตรคนแรกตอนอายุมาก
- ผู้หญิงที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ใช้ฮอร์โมนเสริมหลังหลังวัยหมดประจำเดือนเป็นเวลานาน
- กรรมพันธุ์ครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม
- น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
- ดื่มแอลกอฮอลล์
- สูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย
“มะเร็งเต้านม” ขึ้นชื่อว่าเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยสถิตินี้ ผู้หญิงเราจึงควรตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอเพื่อหาความผิดปกติตั้งแต่แรกเริ่ม หรือหากพบสิ่งผิดปกติ ก็จะได้สามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ป้องกันการเกิดมะเร็งระยะลุกลาม โดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. วิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง
- ท่าทางการตรวจ
- ท่านอนราบ : นอนราบในท่าสบาย ใช้ผ้าขนหนูม้วนหรือใช้หมอนรองที่บริเวณหลังและไหล่ข้างที่จะตรวจ ยกแขนข้างที่จะตรวจขึ้นเหนือศีรษะ แล้วใช้มืออีกข้างคลำให้ทั่วบริเวณเต้านมและรักแร้
- ท่ายืนหน้ากระจก
- ปล่อยแขนไว้ข้างลำตัวตามสบาย สังเกตเปรียบเทียบเต้านมทั้ง 2 ข้าง
- ยกแขนขึ้น 2 ข้างประสานกันเหนือศีระษะ สังเกตรอยดึงรั้ง หรือรอยบุ๋ม
- มือท้าวเอวแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า
- ทิศทางการคลำ
- คลำแบบก้นหอยหรือแบบตามเข็มนาฬิกา : คลำจากบริเวณหัวนม วนออกตามเข็มนาฬิกา ไปจนถึงบริเวณรักแร้
- คลำแบบแนวนอนขึ้นลงขนานกับลำตัว : คลำโดยใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง คลำสลับขึ้นลงไปมาทีละแถว ให้ทั่วทั้งเต้านม
- คลำแบบรัศมีรอบเต้านมหรือคลำแนวคลื่น : เริ่มคลำจากส่วนบนของเต้านมเข้าหาฐานหัวนม และทำซ้ำเป็นรัศมีรอบเต้านม
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจ คือ 7 วันก่อนและหลังมีประจำเดือน
- อาการผิดปกติ
- มีน้ำเหลืองหรือมีเลือดไหลออกมา
- คลำได้ก้อนเป็นไตแข็งผิดปกติ
2. การอัลตราซาวด์เต้านม (Breast Ultrasound)
การตรวจอัลตราซาวด์เป็นการใช้คลื่นความถี่สูงในการตรวจหาความผิดปกติของเต้านม ซึ่งจะตรวจจับความแตกต่างของเนื้อเยื่อ ทำให้สามารถแยกเนื้อเยื่อเต้านมปกติกับก้อนในเต้านมได้ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถกำหนดแผนการรักษาให้ง่ายขึ้น
จุดเด่นของการตรวจเต้านมด้วยการอัลตราซาวด์
- สามารถบอกได้ว่าก้อนที่พบในเนื้อเต้านมนั้นมีองค์ประกอบเป็นน้ำหรือเป็นก้อนเนื้อ
- หากตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อ สามารถบอกได้ว่าก้อนเนื้อนั้นมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่
- เหมาะสำหรับคนอายุน้อย
- กรณีที่มีการเสริมหน้าอกมา หากแผลหายแล้วก็สามารถทำการอัลตร้าซาวด์ได้ตามปกติ
ข้อจำกัดของการตรวจเต้านมด้วยการอัลตราซาวด์
- ประสิทธิภาพในการตรวจหาหินปูนด้วยวิธีการอัลตร้าซาวด์จะไม่ดีเท่าการตรวจเมมโมแกรม
3. การตรวจเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลเมมโมแกรม (Digital Mammogram)
การตรวจเมมโมแกรมเป็นการตรวจทางรังสีชนิดพิเศษคล้ายกับการตรวจเอ็กซเรย์ แต่ใช้ปริมาณรังสีน้อยกว่าการเอ็กซเรย์ทั่วไป 30 - 60% มีความสามารถในการตรวจที่ละเอียดกว่ามาก
จุดเด่นของการตรวจเต้านมด้วยการตรวจเมมโมแกรม
- สามารถตรวจหาเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ รวมถึงหินปูนตั้งแต่ขนาด 0.1 - 1 ซม. ที่คลำหรืออัลตราซาวด์แล้วไม่พบได้อย่างละเอียดชัดเจน ทำให้สามารถค้นพบมะเร็งระยะเริ่มแรกได้อย่างรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งอาจดูกลมกลืนกับเนื้อร้าย ทำให้ยิ่งค้นพบได้รวดเร็ว อีกทั้งยังปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อเต้านม
- สามารถปรับความคมชัดของฟิล์มได้โดยที่ไม่ต้องถ่ายซ้ำใหม่ ทำให้สามารถลดอัตราการกลับมาทำและรับรังสีซ้ำ
- กรณีที่มีการเสริมหน้าอกมา ควรแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกครั้งเพื่อการตรวจที่เหมาะสม
ถึงแม้ว่าการตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ จะมีข้อดีกันคนละอย่าง การตรวจแบบใดแบบหนึ่งอาจได้ประโยชน์มากกว่าในบางด้าน อย่างไรก็ตามการตรวจทั้งสองแบบจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคให้ดียิ่งขึ้น
และใน 7 เดือนตุลาคม ของทุกปี วันมะเร็งเต้านมโลก World Breast Cancer Day โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในรณรงค์ให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งเต้านม โดยจัดแพ็กเกจตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านนมโ้วยเครื่องดิจิทัลแมมโมแกรม ในราคา 1,500 บาท และ ตรวจคัดกรองด้วยอัลตร้าซาวน์ ราคา 900 บาทตลอด เดือนตุลาคมนี้











