พอเพียงสู่สากล รูปแบบการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

พอเพียงสู่สากล รูปแบบการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

นอกจากภาคเกษตรกรรม ปัจจุบันมีการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมด้วยไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคธุรกิจ

Prof. Gayle C. Avery ศาสตราจารย์ด้านการจัดการจาก Macquarie University ประเทศออสเตรเลีย กล่าวในการอภิปรายภายใต้หัวข้อ “Sufficiency Economy Philosophy: An approach to Sustainable Development” ว่า นอกจากภาคเกษตรกรรม ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการปรับใช้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับมาดำรงชีวิตในสังคมได้


Prof. Gayle อธิบายถึงโมเดลหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พัฒนาขึ้นโดย Dr. Harald Bergsteiner และ ดร.ปรียานุช ธรรมปิยา ว่าเป็นโมเดลที่ใช้อธิบายถึงหลักการตัดสินใจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิต การปฏิบัติงานในองค์กร หรือ การดำเนินธุรกิจของคนหรือกลุ่มคน และมีหลักการที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความรู้และคุณธรรมเป็นฐานของความคิด โดยด้านความรู้นั้นอาจจะเป็นทั้งความรู้ส่วนบุคคลหรือความรู้สากลก็ได้


เมื่อมีความรู้และคุณธรรมเป็นฐานแล้ว คนๆ นั้น หรือกลุ่มนั้น ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระยะของการตัดสินใจในการลงมือปฏิบัติงานต่างๆ ได้ โดยอาจจะมีปัจจัยภายในหรือภายนอก เข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจดังกล่าว อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของผู้ที่มีความรู้และคุณธรรมเหล่านั้นจะต้องตั้งอยู่บนฐานความคิดสำคัญ 3 ประการ ที่เรียกว่า “หลักแห่งความพอเพียง” หรือ “Sufficiency Mindset” ได้แก่ การมีความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี


Prof. Gayle กล่าวว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นรูปแบบการพัฒนาที่เป็นขั้นเป็นตอน (step-by-step model) เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้ปัจเจกบุคคลไปจนถึงการดำเนินงานในภาคธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรม เข้าใจแนวความคิดแบบพอเพียง อันประกอบไปด้วยความพอประมาณ การมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน บนฐานของความรู้และคุณธรรม


เธอเล่าเพิ่มเติมว่าเมื่อเกิดการตัดสินใจตามหลักแห่งความพอเพียงแล้ว ยังมี “หลักการทรงงาน 23 ข้อ” ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เป็นแนวทางการปฏิบัติในประเทศไทยมีคุณลักษณะคล้ายกันกับหลัก "Sustainable Leadership Business" หรือ "Honey Bee Practices" ในโลกตะวันตกที่มี 23 ข้อเช่นกัน โดยผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจและการลงมือปฏิบัติดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมตามหลักการของประเทศทางตะวันตก


นอกจากนี้ Prof. Gayle กล่าวว่า นอกเหนือจากความสมดุลด้านมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมตามแนวคิดของโลกตะวันตกแล้ว หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยังเน้นให้การพัฒนาเหล่านั้นสอดคล้องกับมิติทางด้านวัฒนธรรมของแต่ละสังคมด้วย


จุดประสงค์หลักของกระบวนการคิดและตัดสินใจ การปฏิบัติตามหลักพอเพียงนี้ ได้แก่การก่อให้เกิดความสุขทั้งต่อตัวบุคคล ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสังคม และวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ทำให้คน หรือชุมชนมีความเข้มแข็ง มีภูมิต้านทานต่อสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หรือหากเกิดเหตุแล้วก็จะมีความสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว Prof. Gayle อธิบาย


Prof. Gayle กล่าวต่อไปว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักแห่ง “ทางสายกลาง” หรือ “Middle Path” ที่กล่าวไว้ในพุทธศาสนาเช่นกัน และมีความเชื่อมโยงกับหลักของศาสนาอื่นๆ ที่เป็นสากลว่าด้วยความพอประมาณและไม่ละโมบจนเกินควรด้วย


Prof. Gayle ยังกล่าวถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติข้อ 9 (ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน) โดยเฉพาะเป้าประสงค์ 9.2 (ที่กล่าวถึงการเพิ่มส่วนแบ่งของอุตสาหกรรมในการจ้างงานและผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) โดยได้อ้างอิงถึงกรณีศึกษาในประเทศยุโรปตอนเหนือ ที่สามารถสร้างผลผลิตได้ดีและยังสามารถรักษาสมดุลของสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย


โดย Prof. Gayle พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ในยุโรปตอนเหนือ เช่น ในประเทศเยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ที่มีผลประกอบการที่ดี มักเป็นบริษัทที่ดำเนินการโดยมีคุณธรรมเป็นพื้นฐาน ด้วยการคัดเลือกลูกจ้างที่เป็นคนดี (คุณธรรม) และเชื่อในการอบรมพัฒนาบุคลากร มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน (ความรู้)


ที่สำคัญบริษัทในยุโรปเหล่านี้ที่มีการปฏิบัติแบบ “Honey Bees” มีการใช้แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการดำเนินการแต่พอประมาณ ไม่ทำอะไรจนเกินตัว มีเหตุมีผล พิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เกี่ยวข้องและมีภูมิคุ้มกันด้วยการไม่ทุ่มทรัพยากรทุกอย่างที่ตนมีลงไปในการดำเนินธุรกิจ และต้องพิจารณาถึงปัจจัยทั้งภายในและภายนอกในการตัดสินใจดำเนินการต่างๆ


Prof. Gayle สรุปว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักแห่งการตัดสินใจที่ใช้ได้ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน องค์กร และประเทศ มีความรู้และคุณธรรมเป็นฐานสำคัญ มีหลักความพอประมาณ มีเหตุผล และภูมิคุ้มกันเป็นหลักยึด และในการปฏิบัติมีหลักการทรงงาน 23 ข้อ เป็นแนวทาง โดยหากทุกคนสามารถดำรงตนหรือปฏิบัติภารกิจใดตามหลักการและแนวทางนี้แล้ว จะส่งผลให้เกิดความสมดุลใน 4 มิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม และก่อให้เกิดความผาสุกในที่สุด


“ความพอเพียงไม่ใช่การที่เราต้องลำบากหรือขาดแคลน แต่คือการดำรงชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพของตน” (Sufficiency is not deprivation. It is living within your means.) Prof. Gayle C. Avery กล่าวสรุป


Prof. Gayle นำเสนอการอภิปรายดังกล่าวภายใต้หัวข้อ “Sufficiency Economy Philosophy: An approach to Sustainable Development” ในการประชุม "G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy: an Approach to Implementing the Sustainable Development Goals" ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศ ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่างๆ ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นประธานกลุ่มประเทศ G-77 ประจำปี 2559


นอกจากนี้ Prof. Gayle C. Avery ยังเป็นบรรณาธิการหนังสือ Sufficiency Thinking: Thailand's Gift to an Unsustainable World ซึ่งสนับสนุนการจัดพิมพ์โดยมูลนิธิมั่นพัฒนา และจะเปิดตัวหนังสือในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 นี้