‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

กว่า 72 ปีที่ผ่านมาของกลุ่ม ‘เซ็นทรัล’ เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักหนึ่งในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของไทยรายนี้

นอกจากบริษัทเรือธงด้านอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม ‘เซ็นทรัล อย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี ล่าสุด กลุ่มเซ็นทรัลได้จัดทัพใหม่อีกครั้ง โดยการปรับโครงสร้างโดยรวบเอาธุรกิจค้าปลีกชั้นนำที่อยู่ในเครือมาอยู่ภายใต้ชื่อ “บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” หรือ “CRC” เพื่อเป็นบริษัทเรือธงของกลุ่มสำหรับธุรกิจค้าปลีก จะเปิดจองซื้อหุ้น IPO ในระหว่างวันที่ 2931 ม.ค. และ 3 ก.พ. 2563 นี้ โดยช่วงราคาเสนอขายอยู่ที่ 40 - 43 บาท (บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จองซื้อที่ 43 บาทต่อหุ้น) โดยสามารถจองซื้อได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จํากัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

ภายหลังจากการปรับโครงสร้าง CRC แบ่งธุรกิจค้าปลีกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ (1) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการขายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ซูเปอร์สปอร์ต และ Central Marketing Group (CMG) (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งเน้นการขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน โดยประกอบไปด้วยแบรนด์อย่าง เพาเวอร์บาย ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ และ (3) กลุ่มฟู้ด ซึ่งเน้นการขายสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทั่วไป โดยประกอบไปด้วยแบรนด์อย่าง ท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

นอกจากธุรกิจในประเทศไทยแล้ว CRC ยังได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ได้แก่ รีนาเชนเต ห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์อันดับหนึ่งในประเทศอิตาลี ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด 48.1% ในปี 2561 รวมทั้ง บิ๊กซี/GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในประเทศเวียดนาม และลานชี มาร์ท ไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กถึงขนาดกลางในประเทศเวียดนาม โดยบิ๊กซี/GO! และลานชี มาร์ทมีส่วนแบ่งการตลาดรวม 60.0% ในปี 2561 และมีร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ‘เหงียนคิม ในประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 2.5% ในปี 2561

ด้วยความแข็งแกร่งและการเป็นที่รู้จักในวงกว้างของแบรนด์ค้าปลีกเหล่านี้ ทำให้แบรนด์ค้าปลีกของ CRC มีสาขากระจายอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2,000 แห่ง และในต่างประเทศอีกกว่า 140 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ขายรวมประมาณ 3.0 ล้าน ตร.ม. และพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวมกว่า 5 แสน ตร.ม. ส่งผลให้รายได้รวมของ CRC เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี 2559 – 2561 จาก 176,281 ล้านบาท เป็น 187,998 ล้านบาท และ 206,575 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วน 9 เดือน ของปี 2562 ทำได้ 159,506 ล้านบาท

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ หุ้น CRC คาดว่าจะเป็นหุ้นไอพีโอที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงที่สุดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในขณะนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก มีนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศรวม 11 ราย สนใจมาลงทุนเป็น Cornerstone Investors ของ CRC โดยมีมูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาทที่ราคาเสนอขายสูงสุด หรือกว่า 60% ของจำนวนหุ้น IPO ในครั้งนี้ (ไม่นับรวมหุ้นที่เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ ROBINS ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์และหุ้นส่วนกิน) และถือว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าตกลงจองซื้อก่อนโดย Cornerstone Investors สูงที่สุดในตลาดหุ้นไทยเท่าที่เคยมีมา โดยในการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้  CRC จะดำเนินการควบคู่ไปกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ “บมจ. โรบินสัน” หรือ “ROBINSเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของ ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ CRC โดยมูลค่ารวมของการออกหุ้นใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นรายอื่นของ ROBINS (ที่มิใช่ กลุ่ม CRC) ที่จะนำหุ้น ROBINS มาตอบรับคำเสนอซื้อ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 46.17% ของหุ้นทั้งหมดของ ROBINS  หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่าเสนอขายรวมของหุ้นไอพีโอที่เสนอขายโดย CRC และผู้ถือหุ้นเดิมจะมีมูลค่ารวมประมาณ 67,640 – 72,713 ล้านบาท (รวมมูลค่าจากการทำคำเสนอซื้อเพื่อแลกหุ้น ROBINS แต่ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

CRC มีแผนการใช้เงินลงทุนที่ CRC ได้รับจากการระดมทุน ประมาณ 10,000 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจหลักทั้ง 3 ส่วน และใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนอีกประมาณ 8,536 – 19,665 ล้านบาทเพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับบริษัท

จากราคาหุ้นไอพีโอที่มีการกำหนดช่วงราคาเสนอขายที่ 40 – 43 บาท  เมื่อคำนวณรวมกับจำนวนหุ้นสามัญที่จะเสนอขายทั้งหมดที่เป็นไปได้ภายหลังจากการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้มาร์เก็ตแคปของ CRC พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 241,240,000000 - 259,333,000,000 ล้านบาท พิจารณาจากการขายหุ้นที่จำนวน 6,031,000,000 หุ้นที่ราคา 40-43 บาท ต่อหุ้น (ไม่รวมมูลค่าจากการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ณ วันแรกที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคาดว่าจะอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุด 15 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

หนึ่งในจุดแข็งของ CRC ตลอด 3 - 4 ปีที่ผ่านมา คือ ความสามารถในการทำกำไร โดย CRC มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 30.1% (2559 - 2561) สูงสุดเทียบกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ของไทย อย่าง บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) และบมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้น 11.6 – 27.8% ส่วนอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยของ CRC อยู่ที่ 4.6% (2559 - 2561)

‘CRC’ ขึ้นท็อป 15 หุ้นไทย ปั๊มกระแสเงินสดปีละกว่า 2 หมื่นล้าน

สำหรับแผนไอพีโอในครั้งนี้ CRC และผู้ถือหุ้นเดิมจะเสนอจะขายหุ้นไอพีโอรวมไม่เกิน 1,691 ล้านหุ้น (ไม่รวมจำนวนหุ้นสำหรับการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยจะแบ่งการเสนอขายออกเป็น 3 ช่วง ให้กับผู้ลงทุน 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) ผู้ถือหุ้นของ ROBINS ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 2562 – 3 ก.พ. 2563 (2) บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงาน บุคคลที่มีความสัมพันธ์ และผู้มีอุปการคุณ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ม.ค. และ 3 ก.พ. 2563  และ (3) ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 6 – 7 ก.พ. และ 11 ก.พ. 2563

นอกจากนี้ CRC อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option หรือ Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยรักษาระดับราคาหุ้นให้มีเสถียรภาพในช่วงแรกที่หุ้นของ CRC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายหลังการขายหุ้นไอพีโอ ตระกูลจิราธิวัฒน์ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 70%  ส่วนที่เหลือจะถือครองโดยนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และผู้ถือหุ้นเดิมของ ROBINS

หุ้น CRC ถือเป็นหนึ่งในหุ้นไอพีโอที่ถูกจับตาอย่างมาก ทั้งจากขนาดธุรกิจที่มีรายได้รวมในระดับเฉียด 3 แสนล้านบาท มูลค่าระดมทุนที่อาจจะสูงกว่า 8 หมื่นล้านบาทและอาจสูงสุดของไทยเป็นประวัติการ รวมทั้งการเป็นธุรกิจที่สามารถสร้าง EBITDA ถึงปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท สุดท้ายแล้วคงต้องมาตามดูกันว่า หุ้น CRC จะโดดเด่นอย่างที่
คาดไว้หรือไม่