เรื่องเล่าจากห้องเรียน K SME Care

เรื่องเล่าจากห้องเรียน K SME Care

ธุรกิจ SME เป็นธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งจากธุรกิจขนาดเดียวกันและธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งธุรกิจ SME ส่วนใหญ่มักเสียเปรียบ

เพราะนอกจากต้องแข่งกับคู่แข่งแล้วยังต้องแข่งกับตัวเองเพื่อให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งจะทำได้ง่ายขึ้นหากมีเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจที่ดีที่แข็งแกร่งจะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ

โครงการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ K SME Care เป็นโครงการอบรมให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยนักธุรกิจชั้นนำและวิทยากรที่มีชื่อเสียงรวมถึงการเรียนรู้จากการทดลองและลงมือปฏิบัติจริงพร้อมกิจกรรมที่จะทำให้ได้รู้จักเพื่อนผู้ประกอบการในเครือข่าย K SME ที่พร้อมจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคตโดยได้เดินทางมาถึง 21 รุ่นแล้วโดยมีผู้ประกอบการกว่า 12,000 คนที่ผ่านโครงการฯ ที่ได้รับองค์ความรู้ และได้รับประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจ ที่นำไปสู่การต่อยอดธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการได้คู่ค้าหรือพันธมิตรธุรกิจใหม่ๆ ได้เพื่อนคู่คิดที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนเกิดธุรกิจใหม่จากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกัน

พัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงที่มาของการเริ่มต้น KSME Care ว่าคือความพยายามและความตั้งใจของธนาคารกสิกรไทยที่จะให้ความรู้เพื่อเติมเต็ม แก่ผู้ประกอบการทั้งหลาย ซึ่งในเวลานั้นที่เริ่มก่อตั้ง ยังไม่มีโครงการใดที่มุ่งให้เกิดความเป็นเครือข่าย SME อย่างจริงจัง

“ถ้าพูดในอีกมุมK SME Care คือการนำเอาความรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้ประกอบการไม่เคยเห็นยกตัวอย่างเช่นผู้ประกอบการบางคน อาจเปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างมาเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้นเราจึงดีไซน์โปรแกรมนี้เพื่อมาเติมความรู้ให้กับเขาในหลายเรื่องที่เขาอาจจะยังไม่รู้ เช่น การทำบัญชี เป็นต้น”

ซึ่งจากความพยายามและความตั้งใจที่จะส่งเสริมการพัฒนาให้กับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน กอปรกับที่ธนาคารกสิกรไทยได้เข้าใจและมองเห็นความสำคัญของการเข้าถึงโอกาสของผู้ประกอบการSME ที่มากขึ้น ว่ายังมีองค์ประกอบสำคัญ นั่นคือการเกื้อหนุนระหว่างกันของผู้ประกอบการด้วยกันเอง

ภายหลังจากดำเนินโครงการมายาวนานกว่า 8 ปี ไม่เพียงเติมเต็มความรู้เพื่อผู้ประกอบการ ปัจจุบัน K SME Care ได้ขยายผลไปสู่การเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างกัน เพราะเชื่อว่าคือสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น

“ด้วยความแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มักมีแต่คนอยากวิ่งเข้าหา แต่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลับมักขาด “โอกาส” ในจุดนี้ ดังนั้นK SME Care จึงเข้าไปส่งเสริมไปในเรื่องให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถสร้างเครือข่าย รู้จักกันได้ เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพราะธนาคารมองว่าในเรื่ององค์ความรู้ด้านวิชาการ ผู้ประกอบการสามารถศึกษาหรือค้นคว้าได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์เน็ต โครงการอบรมต่างๆ ที่มีทั่วไป แต่การได้ฟังความรู้จากเจ้าของธุรกิจและเพื่อนที่ร่วมเรียนมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่เพื่อนๆตรงนี้เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการเขามองว่าเป็นเรื่องที่ให้คุณค่ากับเขามากกว่าและยังนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต” พัชรกล่าว

จากการสร้างเครือข่าย สู่การสร้างระบบซัพพลายเชน

ขณะเดียวกัน ในมุมของ คุณภิญโญ ปะตาทายัง ที่มองว่าการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ K SME Care รุ่นที่ 21 ของตนเอง ถือเป็นการต่อเติมจิ๊กซอว์ธุรกิจของเขาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็น่าจะไม่ผิดจากความจริงเท่าใดนัก

คุณภิญโญ ดำเนินธุรกิจบริษัท อินดีไซน์ แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัดให้บริการด้านการออกแบบภายในสำนักงานครบวงจรซึ่งดำเนินธุรกิจมากกว่า 12 ปีและผลิตหลังคาและระเบียงน็อคดาวน์สำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์Terrazzo

ด้วยจุดแข็งที่เน้นงานออกแบบตกแต่งภายในแบบประหยัดพลังงานและใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างชาติกว่าร้อยละ 80 และปัจจุบันเขากำลังขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านล่าสุดคือโครงการออกแบบตกแต่งโรงพยาบาลเอกชนที่มัณฑเลย์ ในประเทศเมียนมาร์

คุณภิญโญเล่าว่า งานตกแต่งภายในสำนักงานและโรงพยาบาลดังกล่าว มักมีองค์ประกอบหลายส่วน ทำให้ต้องใช้ซัพพลายเออร์หลายรายในแต่ละโครงการ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการK SME Care ทำให้เขาได้พบผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตต้นน้ำหลายรายซึ่งได้เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของเขาอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น สินค้าระเบียงน็อคดาวน์ และหลังคาสำเร็จรูปของเขา เมื่อก่อนใช้วัสดุเป็นเหล็กทั้งหมด แต่พอมาเข้าร่วมโครงการ K SME Care จึงได้พบกับคุณบีม(ธนบดี ศรีประจิตติชัย) ผู้ผลิตอลูมิเนียมโดยตรงจึงมีความสนใจเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าเป็นวัสดุอลูมิเนียม ด้วยเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม

“แต่เดิมผมเคยลองสอบถามราคาจากซัพพลายเออร์รายอื่น ปรากฏว่าราคาสูงเลยเลิกล้มความคิดไป” คุณภิญโญเล่าต่อว่าเมื่อมาเจอผู้ผลิตอลูมิเนียม ที่โครงการ K SME Care ซึ่งได้ในราคาถูกจากผู้ผลิตโดยตรง ทำให้สามารถเปลี่ยนวัตถุดิบมาเป็นอลูมิเนียมหรือในแบบที่เป็นเหล็ก เขาก็หันมาใช้เหล็กกัลวาไนซ์ของคุณยุ้ย (อาภากร พัฒศรีเรือง) แทน และยังได้เจอเครื่องมือช่างซึ่งเป็นราคาต้นทุนถูกกว่าที่เคยใช้มา”

ขณะเดียวกันโครงการตกแต่งภายในโรงพยาบาลที่พม่ากำลังต้องการสุขภัณฑ์สำเร็จรูปไปติดตั้ง ซึ่งพอดีกับที่คุณภิญโญได้เจอกับคุณมุก (จุฬาลักษณ์ ศรีอริยวัฒน์) เพื่อนร่วมโครงการเดียวกันที่ทำธุรกิจนี้อยู่ เขาจึงสั่งซื้อห้องน้ำสำเร็จรูปไปหลายชุดและยังมีการสั่งซื้อกระเบื้องยางปูพื้นจากคุณเชาว์(ชวนันท์ สุรเดชะ) ผู้ผลิตอีกรายไปเมื่อเร็วๆ นี้

“ตอนแรกที่เข้ามาไม่ได้คิดว่าจะได้เจอพาร์ทเนอร์เหล่านี้แต่กลายเป็นว่าเราได้ทั้งเพื่อนทั้งซัพพลายเออร์ที่เป็นผู้ผลิตโดยตรงในโครงการนี้หลายท่าน อาทิ เป็นผู้ผลิตเสื้อ ซึ่งผมกำลังคิดสั่งซื้อเสื้อพนักงานภายในบริษัทพอดีก็ได้ใช้ทั้งบริการผลิตเสื้อและสกรีนเสื้อของเพื่อนๆ”

คุณภิญโญยังกล่าวถึงสิ่งที่ประทับใจจากโครงการว่า การที่โครงการจัดให้มีกิจกรรมสานความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมโครงการต่างๆ ต่อเนื่อง ตรงนี้เป็นสิ่งที่เขาเคยคิดในใจว่าอยากให้มีมาตลอด เวลาที่ไปอบรมที่อื่น และสงสัยเสมอว่าทำไมถึงไม่มีใครทำ

“ถ้าไม่มีกิจกรรมแบบนี้เราก็ไม่รูจักหรือสนิทกันทุกวันนี้แม้จะเรียนจบไปแล้วเรายังนัดกินข้าวกันเป็นประจำ” คุณภิญโญกล่าวเพิ่มเติมว่าจากการที่เคยไปร่วมโครงการอื่นมาหลายที่แล้ว จึงมองเห็นความแตกต่างของโครงการนี้ว่าไม่ใช่การเรียนที่เน้นหลักวิชาการมากเกินไป แต่เป็นการให้ผู้ประกอบการตัวจริงมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟัง

“ซึ่งเราจะได้ฟังตั้งแต่วันที่เขาเริ่มต้นธุรกิจ พบปัญหาตลอดจนวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ หลายตัวอย่างที่เขานำมาเล่าให้ฟังตรงกับสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ส่วนไหนที่เห็นว่าใช้ได้ผมก็จะนำมาใช้กับบริษัทตัวเองหลายเรื่อง”

มิตรภาพที่วางใจ สู่มิตรแท้ทางธุรกิจ

คุณอาคม มากยิ้ม หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรมโครงการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ K SME Care  รุ่น 16 ภาคเหนือ ซึ่งมีธุรกิจโรงงานผลิตหลังคาเหล็กAK Metal Sheet ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสนุกจากการเข้าร่วมโครงการ K SME Care ว่า

“หลักสูตรที่ผมเข้าอบรมเป็นหลักสูตรเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าสู่เออีซีเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ซึ่งยุคนั้นคำว่า “เออีซี” ยังเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก เลยสนใจจะเข้าไปเรียนรู้อีกส่วนหนึ่งผมมีแนวคิดจะขยายธุรกิจไปในภาคเหนือ จึงมองว่าอยากได้เครือข่ายตรงนี้”

เดิมคุณอาคมเป็นชาวพิษณุโลก แต่ไปเติบโตและทำธุรกิจที่กรุงเทพฯ หลังจากที่เขาเปิดโรงงานที่สอง ในจังหวัดพิษณุโลกบ้านเกิด จึงเห็นโอกาสขยายธุรกิจในภาคเหนือที่จังหวัดอื่น ในครั้งแรกคุณอาคมตั้งใจจะเปิดโรงงานที่เชียงใหม่อีกแห่ง แต่คุณอาคมไม่รู้จักใครที่จะแนะนำเรื่องธุรกิจที่นั่นให้ได้

“ตอนนั้นคิดว่าหากจะไปลงทุนก็ลำบาก คำนวณแล้ว ลงมือเองต้นทุนสูงมาก เลยเปลี่ยนใจเปิดโรงงานที่ลำปางแทน”คุณอาคมเล่า

แต่จากการที่จะเข้าร่วมโครงการกับ K SME Careของภาคเหนือ ทำให้เขาได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย ทั้งเพื่อนในวงการธุรกิจและเพื่อนจากหลากหลายวงการคุณอาคมยอมรับว่าคอนเน็คชั่นตรงนี้ช่วยให้เขาสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นพื้นที่ที่เขาไม่คุ้นเคย

“จริงๆ ที่มาเรียนกัน ไม่ใช่แค่เชียงใหม่นะครับ แต่เป็นทั้งภูมิภาคเลย” เขาเล่าต่อว่าจากการมีเพื่อนในวงการธุรกิจเหล่านี้ เวลาจะทำธุรกิจอะไรที่ภาคเหนือ ก็จะเหมือนมีเพื่อนๆ เหล่านี้ช่วยตรวจสอบลูกค้าหรือคู่ค้าให้ได้ในระดับหนึ่งทีเดียว

 คุณอาคมเล่าย้อนไปถึงวันแรกของการเริ่มต้นสร้างมิตรภาพกับเพื่อนกลุ่มนี้ว่า ในวันนั้นเขาเริ่มแนะนำตัวเองครั้งแรกกับเพื่อนที่ร่วมอบรม เพราะรู้ว่าหลายคนคงสงสัยว่าอยู่กรุงเทพทำไมมาเรียนถึงที่นี่

“ผมบอกว่า ผมอยากได้เพื่อน ผมเชื่อในพันธมิตรด้านธุรกิจ และผมสามารถเป็นเพื่อนที่ดีกับทุกคนได้”

หลังจากการเปิดใจในวันนั้นดอกผลแห่งมิตรภาพก็ผลิบานงดงาม นำไปสู่ความช่วยเหลือและเกื้อกูลกันในด้านธุรกิจและเรื่องๆ อื่นมากมายไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆ ด้วยดีตลอดขณะเดียวกัน หากเพื่อนในภาคเหนือถ้าต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือเกี่ยวกับธุรกิจที่กรุงเทพฯคุณอาคมก็ยินดีให้คำแนะนำปรึกษาด้วยความเต็มใจ

ไม่เพียงแค่การได้เพื่อนใหม่ๆ แต่การเข้าร่วมโครงการยังทำให้คุณอาคมได้สานต่อความตั้งใจที่จะสร้างธุรกิจที่เชียงใหม่อย่างไม่คาดฝันด้วย โดยเมื่อคุณอาคมได้พบกับคุณเอ็กซ์ (คุณศรนรินทร์ อินเสาร์) ผู้ประกอบการค้าส่งวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของเชียงใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ K SME Care รุ่นเดียวกัน ที่เกิดความถูกใจในอัธยาศัยและได้ชักชวนมาร่วมลงทุนทำโรงงานที่เชียงใหม่

“ผมเล่าให้คุณเอ็กซ์ฟังว่าเคยตั้งใจจะเปิดโรงงานที่เชียงใหม่ แต่ที่ไม่เปิดเพราะค่าที่แพง เขาก็มีความสนใจ เลยชวนกันเป็นหุ้นส่วนเปิดโรงงานที่เชียงใหม่ตอนที่เจอเราไม่ได้คิดว่าจะมาร่วมทำอะไรด้วยกันเลย แต่พอเรียนไปได้พูดคุยได้ปรึกษากัน จากการเราได้รู้จักคลุกคลีกับคุณเอ็กซ์มาให้ระดับหนึ่งทำให้เราเชื่อมั่นในตัวพันธมิตรธุรกิจคนนี้”

ก่อนหน้านี้คุณอาคมยอมรับว่าไม่เคยมีความคิดในเรื่องการทำหุ้นส่วน เพราะกลัวปัญหาที่ตามมา แต่การเข้าร่วมโครงการนี้ช่วยเปลี่ยน Mind Set ของเขาอย่างสิ้นเชิง เขาเริ่มมองเห็นว่าการมีหุ้นส่วนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

“สิ่งที่เราได้ความรู้จาก K SME Care ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องการทำบัญชี การบริหารจัดการ ที่มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นหลักการบริหารงานที่ทำให้ตรวจสอบได้ทำให้ผมเริ่มมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และเชื่อมั่นในความรู้ที่เราได้เรียนจนเกิดความกล้าที่จะมีหุ้นส่วนและมองว่าหุ้นส่วนที่ดียังทำให้ธุรกิจไปได้ดีและเติบโตขึ้นด้วยซ้ำ”

จากเครือข่าย ขยายสู่ออนไลน์เน็ตเวิร์ค

“คิดว่าถ้าเข้าโครงการนี้น่าจะได้ประโยชน์หลายอย่างในการต่อยอดธุรกิจขายยางรถยนต์ของครอบครัว”

คุณกรกต สุธีระตฤษณา ทายาทธุรกิจบริษัท ส. อึ้งฮั่วเส็ง จำกัด ผู้จำหน่ายยางรถยนต์และอะไหล่รถยนต์และล้อแมกซ์ ย่านวงเวียน 22 กรกฎา และหุ้นส่วนร้าน Toby’s คาเฟ่แห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท เริ่มต้นเล่าถึงที่มาของการเข้าร่วมโครงการK SME Care ว่ารู้จักโครงการจากเว็บไซต์ จึงสนใจมาสมัครเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

ซึ่งแม้คุณกรกตจะเป็นนักเรียนK SME Care ในรุ่นที่8 แต่ชื่อคุณกรกตกลับเป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มเพื่อนK SME Care ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่คุณกรกตให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมาโดยตลอด อาทิ กีฬาสี กิจกรรมงานเลี้ยงรุ่น หรือกิจกรรมด้านอื่นๆ กิจกรรมเหล่านี้คือเวทีแห่งการสร้างโอกาสที่ผู้ประกอบการจะได้รู้จักและสานความสัมพันธ์ระหว่างกัน

“เข้ามาตอนแรก เรามองพี่ๆ เขา คิดในใจว่าจะกล้าคุยไหม เพราะแต่ละคนระดับผู้ใหญ่มาก สุดท้ายทุกคนมองเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แถมยังให้คำแนะนำในเรื่องธุรกิจเราได้หลายเรื่อง”

นอกจากร่วมกิจกรรมไม่ขาด ด้วยความที่คุณกรกตเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ทำให้เป็นที่รักและเป็นที่รู้จักของเพื่อนในรุ่นและเพื่อนต่างรุ่น นอกจากนี้คุณกรกตยังเป็นคนที่ใช้ประโยชน์จากสังคมออนไลน์อย่าง facebookและ LINE ในการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจ ระหว่างรุ่นเดียวกันและรุ่นอื่น ๆ

 

“ผมมองว่าตรงนี้ให้ประโยชน์มาก เพราะเพื่อนบางคนรู้จักกันแค่ชื่อ แต่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อนก็มารู้จักจากfacebook กับ LINE ด้วยความที่ผมค่อนข้างรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆทั้งรุ่นเดียวกันและต่างรุ่นเยอะ ทำให้สามารถเป็นตัวกลางเชื่อมโยงกันระหว่างรุ่นได้ ซึ่งนอกจากเป็นประโยชน์ในเรื่องการรู้จักซึ่งกันและกันแล้ว ยังเอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจระหว่างกันอีกด้วย เพราะหากใครต้องการซื้อขายอะไรบ้าง หรือบางคนอยากได้คำแนะนำหรือข้อมูลที่เขาอยากรู้ ก็จะเข้ามาโพสต์ โดยผมเองค่อนข้างรู้จักกับรุ่นพี่รุ่นน้องแทบทุกรุ่น ก็จะให้คำแนะนำไป เช่นว่าพี่คนนี้ทำธุรกิจนี้อยู่นะ หรือให้ข้อมูลที่สามารถติดต่อได้ เพราะพี่บางคนอาจไม่ได้เข้ามาเห็นในช่วงที่โพสต์ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเรื่องที่หากเพื่อนผู้ประกอบการคนไหนต้องการใช้วัตถุดิบหรืออยากหาออร์เดอร์สินค้าอะไร ก็สามารถที่จะใช้ที่แห่งนี้เป็นสื่อกลาง โดยเข้าไปโพสต์ความต้องการได้ทันที”

ขณะเดียวกัน ยังใช้เป็นศูนย์กลางการอัพเดทข่าวสารต่างๆ ของสมาชิก เช่น กำลังจะมีกิจกรรมกีฬาสี ก็สามารถเป็นสื่อกลางในการแจ้งข่าวสารและกิจกรรมรียูเนียนได้

“เร็วๆนี้ เราจะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายกันระหว่างรุ่นผ่านช่องทางออนไลน์ที่เรากำลังพัฒนาให้เกิดเป็นสังคมสำหรับ K SME Careเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสรวมตัวกันและได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจจากเครือข่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นแห่งนี้ครับ” คุณกรกตกล่าวทิ้งท้าย