คิด บวก ดี ปลุกตำนานให้มีชีวิต @ย่านเมืองเก่าสงขลา

สำหรับผู้ที่มีโอกาสแวะเวียนมาที่จังหวัดสงขลา จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดก็คือ “ย่านเมืองเก่า” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนน 3 สาย ก็คือ ถนนนางงาม ถนนนครใน และถนนนครนอก เรียกว่าถ้าพลาดก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา
ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ายังคงรักษาสถาปัตยกรรม วิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของคนสงขลาไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นความคลาสสิกของห้องแถวไม้แบบจีน ตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีส แม้กระทั่งอาหารพื้นเมืองเก่าแก่ของสงขลาไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวสงขลา เต้าคั่ว ขนมกระบอก ฯลฯ อาจกล่าวได้ว่าเป็น “ตำนานที่ยังมีชีวิต”
แต่เหมือนหนังคนละม้วน เชื่อหรือไม่ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก สถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา และกำลังอยู่ในกระแสนิยมสูงสุดแห่งนี้เคยเป็นเมืองเก่าที่ทรุดโทรม ถูกทิ้งร้างมาก่อนเพราะคนในชุมชนละทิ้งบ้านเมืองไป มีการโยกย้ายถิ่นไปทำงานที่อื่น ทำให้ถนนทั้ง 3 สายกลายเป็นถนนสายเปลี่ยว ชนิดที่พอพลบค่ำก็แทบไม่มีใครกล้า เดินผ่านเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในยุคที่ “นายพีระ ตันติเศรณี” เป็นนายกเทศมนตรีนครสงขลา และได้ประกาศจะขับเคลื่อนเมืองเก่าสงขลาจาก “มรดกชาติ” ก้าวสู่ “มรดกโลก” และก็ได้รับ
การตอบรับจากภาคีเครือข่ายทั้งภาคประชาชน ภาคการศึกษา รวมถึงภาคเอกชน
นายรังษี รัตนปราการ ทายาทของ “โรงสี หับ โห้หิ้น” ซึ่งเป็นโรงสีข้าวโบราณอายุมากกว่าร้อยปี มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เป็นอาคารหลังใหญ่ที่ทาสีแดงทั้งหลัง ตั้งอยู่บนถนนนครนอก (อาคารแห่งนี้ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทอาคารพาณิชย์ จากสมาคมสถาปนิกสยามฯ เมื่อปี 2554) ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยทิ้งบ้านเกิดไปเนิ่นนาน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกลับสงขลาและได้เข้าร่วมขับเคลื่อนภารกิจพาเมืองเก่าที่มีอายุยาวนานกว่า 200 ปีแห่งนี้สู่การเป็นมรดกโลก ในฐานะของ “นายกภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม”
“พวกเราที่เป็นคนในชุมชนย่านเมืองเก่ามีความเป็นห่วงถึงความทรุดโทรมของบ้านเมือง ก็เลยมารวมตัวตั้งเป็นสมาคม เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐเพราะการเป็นมรดกโลกไม่ใช่ขอบเขตหน้าที่ที่ประชาชนจะทำได้ แต่เราต้องการให้ภาครัฐรับรู้ว่าภาคประชาชนมีความพร้อม เราขอมีส่วนทำนุบำรุงย่านเมืองเก่า ร่วมอนุรักษ์ เพื่อส่งต่อวัฒนธรรมอันดีงามไปให้คนรุ่นต่อไป”
จุดประสงค์ของภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคมคือการเป็นศูนย์ประสานความร่วมมือของสมาชิก และทำการค้นคว้า รวบรวมประวัติศาสตร์ คุณค่าของศิลปกรรมต่างๆ ของย่านเมืองเก่าแห่งนี้ ทั้งมุ่งต่อยอดโดยการเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างไกล เนื่องจากการเป็นมรดกโลกนั้นจะต้องไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้นที่รู้จัก แต่คนในภูมิภาคเอเชียก็ต้องรู้จัก คนทั่วโลกก็ต้องรู้จัก นอกจากนี้สมาคมฯ ยังจะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่มีความกลมกลืนลงตัว
ผศ.ยงยุทธ หนูเนียม รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า ในการพัฒนาหรือการแก้ปัญหาใด ๆ ก็ตาม เคล็ดลับอยู่ที่ “ความหลากหลายสู่ความสำเร็จ ณ เป้าหมายเดียวกัน” แน่นอนว่าความสำเร็จไม่อาจทำได้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือจะอาศัยหลักวิชาการเพียงอย่างเดียว การจะพัฒนาย่านเมืองเก่าสงขลาและขับเคลื่อนสู่การเป็นมรดกโลกให้ประสบผลสำเร็จ ได้นั้นจำเป็นต้องมีพลังอื่นๆ เข้ามาร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของชุมชนผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง
“เราไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้ ถ้าคนในชุมชนเขาไม่เอาด้วย ตรงกันข้ามถ้าเขาเอาด้วย การทำงานจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก มันเหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน ประการสำคัญเราจำเป็นต้องทำให้วัฒนธรรมมันมีชีวิตด้วยซึ่งส่วนใหญ่เรามักติดกับคำว่าอนุรักษ์ ต้องห่อเอาไว้ ต้องมีป้ายห้ามจับต้อง ห้ามแตะ ต้องปิดเสาร์อาทิตย์ สำหรับชุดความคิดของเราก็คือเราจะต้องทำให้วัฒนธรรม ทำให้ประวัติศาสตร์มีชีวิต ที่คนสามารถเรียนรู้ได้ สัมผัสได้ และได้ใช้ด้วยกัน”
การพัฒนาเมืองเก่าแห่งนี้จึงมีจุดเริ่มต้นที่คำว่า “ต้นทุน” ที่หมายถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมา ศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิต คนในชุมชนต้องมองเห็นต้นทุนและมองเห็นคุณค่าของมันเสียก่อน อาจารย์ยงยุทธเล่าว่า เมื่อทางมหาวิทยาลัยกับคนในชุมชนได้ร่วมกันคิดว่าอะไรที่เป็นต้นทุนที่มีคุณค่าของย่านเมืองเก่าแห่งนี้สุดท้ายได้ผลสรุปว่ามีอยู่ด้วยกัน 5 ด้าน ได้แก่ 1.อาหาร 2.การแต่งกาย 3.สุขภาวะ ยา แพทย์แผนโบราณ 4.บ้านเรือน สถาปัตยกรรม และ 5. ภูมิปัญญาและความสุนทรีย์
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเชฟรอนสงขลาเปรียบเป็นเหมือนบ้าน” เพราะได้เข้ามาดำเนินงานในจังหวัดนี้เกือบสี่ทศวรรษแล้ว ทั้งนี้เชฟรอนมีนโยบายดำเนินธุรกิจควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชนและสังคม ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เป็นภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคการศึกษา เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนสงขลามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าสงขลานั้น เชฟรอนได้ร่วมมือกับเทศบาลนครสงขลา มาตั้งแต่ปี 2552 โดยสนับสนุนเงินงบประมาณจำนวน 5,000,000 บาท (ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2552-2554) เพื่อช่วยฟื้นฟูย่านเมืองเก่าบริเวณถนนนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม ตลอดจนกระตุ้นให้ชุมชนตระหนักถึงคุณค่าและหวงแหนมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งมีการจัดทำป้ายสื่อความหมายให้กับร้านดั้งเดิมบนถนนนางงาม เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นข้อมูลให้แก่ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดสงขลา
ในปี 2560 เชฟรอนสนับสนุนเงินงบประมาณจำนวน 200,000 บาท เพื่อใช้ในการซ่อมแซมป้ายสื่อความหมายที่ชำรุดเสียหาย จำนวน 23 ป้าย โดยได้มีการปรับปรุงข้อมูลและรูปแบบให้มีความเหมาะสมกับแต่ละร้านค้า และเพิ่มข้อมูลภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของร้านค้าดั้งเดิมในชุมชนที่มีส่วนร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีคุณค่า
ในปีนี้ เชฟรอนร่วมมือกับภาคีเมืองสงขลาสมาคม เทศบาลนครสงขลา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยสนับสนุนเงินงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท ในการก่อสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้ย่านเมืองเก่า คิด บวก ดี” (Kid+Dee @ Historic Center) มีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่ทำให้ “เกิดการคิดอ่าน ในเรื่องที่ดี ๆ” นอกจากนี้ศูนย์แห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ทำงานหรือ Co-Working Space สำหรับพบปะ พูดคุย เรียนรู้ ช่วยส่งเสริมเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้สามารถก้าวเป็นผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneurship และ Startup ที่สามารถสร้างธุรกิจนวัตกรรมที่มีความเข้มแข็งและสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
หากจะเปรียบ “คิดบวกดี” คงเป็นเหมือนพื้นที่ในโลกใบเก่าที่กำลังคลี่ตัวเองออกสู่โลกใบใหม่เป็นการผสมผสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างลงตัว เพื่อให้ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ยังคงมีชีวิต ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของอดีตซึ่งยังทิ้งร่องรอยไว้รอคอยให้ผู้คนมาดื่มด่ำ ในเวลาเดียวกันก็ช่วยปลุกพลัง สร้างแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ให้คิดใหญ่มุ่งสร้างโลกแห่งอนาคตอีกด้วย









