เปิดวาระประชุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน หนึ่งสัปดาห์ก่อนสี จิ้นผิงพบทรัมป์?

เปิดวาระประชุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน  หนึ่งสัปดาห์ก่อนสี จิ้นผิงพบทรัมป์?

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดฉากการประชุมใหญ่เต็มคณะของคณะกรรมการกลาง ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 20-23 ต.ค. โดยมีเศรษฐกิจเป็นวาระหลักท่ามกลางภัยคุกคามภาษีจากสหรัฐและอุปสงค์ในประเทศชะงักงัน

เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชียรายงาน นักวิเคราะห์คาดหวังว่า แผนพัฒนาห้าปีที่จะได้จากการประชุมพลีนัมครั้งที่ 4 นี้จะเน้นย้ำอย่างมากในเรื่องของการพึ่งพาตนเองและขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ ไปพร้อมๆ กับแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การว่างงาน และการใช้จ่ายภาคครัวเรือน

นอกจากนี้การประชุมอาจให้ความชัดเจนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนหายหน้าไปจากวงสังคมในช่วงหลัง

หากพิจารณาเรื่องห้วงเวลา การประชุมพลีนัมครั้งที่ 4 เกิดขึ้นก่อนการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ราวหนึ่งสัปดาห์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เผยว่าจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนด้วย

  •  รับรองแผนพัฒนาชาติ

คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกอบด้วยสมาชิกเต็มตัวราว 200 คน สมาชิกสมทบ 170 คน มาจากบุคคลสำคัญภายในพรรค คณะกรรมการกลางแต่ละชุดมีวาระ5 ปี ระหว่างนี้จะมีการประชุมพลีนัม 7 ครั้ง

ในลำดับขั้นการบังคับบัญชาของพรรคคอมมิวนิสต์ คณะกรรมการกลางอยู่ภายใต้คณะกรรมการเมือง (โปลิตบูโร) ที่ปกติมี 25 คน และคณะกรรมการถาวรของพรรคปัจจุบันมี 7 คน

การประชุมพลีนัมครั้งที่ 4 ในอดีตมักเน้นเรื่องอุดมการณ์และการบริหารจัดการของพรรค แต่ปีนี้เศรษฐกิจกลายเป็นประเด็นสำคัญ เมื่อคณะกรรมการต้องทบทวนแผน 5 ปี ฉบับที่ 15 ของจีน ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวการพัฒนาชาติฉบับล่าสุดระหว่างปี 2026-2030

โดยปกติแผน 5 ปีต้องไปทบทวนการในการประชุมพลีนัมครั้งที่ 5 แต่ถูกเลื่อนมาพิจารณาในรอบนี้หลังการประชุมล่าช้าไปหลายเดือน ซึ่งตามกฎของพรรคจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนส่งให้ที่ประชุมสองสภารับรองในเดือน มี.ค.ผู้กำหนดนโยบายต่างส่งสัญญาณว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับการปรับโรดแมปซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า แผน 5 ปีจะเน้นที่ผลิตภาพ นวัตกรรม และการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี

“แผน 5ปีฉบับใหม่จะช่วยยืดเวลาความมุ่งมั่นของรัฐบาลกลางในการสร้าง ‘กำลังผลิตที่มีคุณภาพใหม่’ เปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคและความต้องการภายในประเทศการสร้างงานที่มีคุณภาพสูง และความพยายามเพิ่มรายได้ครัวเรือน” สเตฟานี คัม ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากโครงการจีน วิทยาลัยการระหว่างประเทศศึกษาเอส ราชารัตนัมในสิงคโปร์ ให้ความเห็นกับซีเอ็นเอและว่า เป็นไปได้ที่ผู้กำหนดนโยบายยังคงยึดมั่นต่อ “การเปิดกว้างอย่างอิสระฝ่ายเดียว” อันหมายถึงความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งที่จะเปิดเสรีตามเงื่อนไขของตนเอง

ตัวอย่างล่าสุดเช่น การเปิดตัวเควีซ่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. เพื่อดึงดูดคนหนุ่มสาวชาวต่างชาติผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และขยายวีซ่าฟรีให้กับ 75 ประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและธุรกิจ

ในด้านเศรษฐกิจปลายปีก่อนจีนเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคการผลิตได้เต็มที่ รวมถึงเปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของโรงพยาบาลได้ในบางเมือง เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเสิ่นเจิ้น

ในเวลาเดียวกันนักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งมีแนวโน้มสร้างสมดุลระหว่างวาทกรรมเปิดกว้างทางเศรษฐกิจกับความมั่นคงแห่งชาติที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลัง

จีนกับสหรัฐกำลังขัดแย้งกันในหลายเรื่องรวมถึงการค้าและเทคโนโลยี รัฐบาลวอชิงตันควบคุมปักกิ่งไม่ให้เข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ทันสมัยและชิปเอไอ จีนประณามว่านี่เป็นความพยายามสกัดกั้นจีน

ไม่เพียงเท่านั้นวอชิงตันยังเก็บภาษีสินค้าจีนสูงลิ่ว กระตุ้นให้ปักกิ่งต้องตอบโต้ ตอนนี้อาจสงบศึกกันก็จริงแต่เส้นตาย 1 พ.ย. กำลังใกล้เข้ามา

โปลิตบูโรเองก็ยอมรับถึงความท้าทายจากปัจจัยภายนอก จึงกล่าวไว้ในการประชุมเมื่อเดือน ก.ค.โดยไม่ระบุถึงสหรัฐว่า จีนกำลังเผชิญ “การเปลี่ยนแปลงอันซับซ้อนและชัดเจน”

  •  ภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียด

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จะถูกนำมาหารือในพลีนัมครั้งที่ 4 ด้วย

“ภูมิรัฐศาสตร์จะเป็นประเด็นสำคัญอย่างแน่นอน และจะเน้นไปที่การตอบโต้/การเจรจาภาษีกับสหรัฐ รวมถึงประเด็นกลุ่มโลกใต้ด้วย” ดีแลน โลห์ รองศาสตราจารย์จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ให้ความเห็นกับซีเอ็นเอ

กลุ่มโลกใต้หมายถึงประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกา เอเชีย และลาตินอเมริกา ที่กำลังเป็นหัวใจนโยบายการทูตของจีน ในช่วงที่ปักกิ่งพยายามกระชับสัมพันธ์นอกเหนือไปจากพันธมิตรเดิมๆ

ไม่เพียงแค่ภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายภายในประเทศจะถูกนำมาหารือในพลีนัมที่ 4 เช่นกัน

“ผมคิดว่าพรรคจะพูดคุยกันมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการรับมือกับ ‘การแทรกซึม’ และการแข่งขันที่เป็นอันตราย” โลห์กล่าว หมายถึงการแข่งขันรุนแรงและบางครั้งก็ไร้จุดหมายในหมู่ผู้ผลิตชาวจีน ซึ่งเริ่มสร้างความกังวลให้กับผู้นำระดับสูง และคาดว่าพรรคจะหารือถึงวิธีการรับมือกับความเสี่ยงในระบบการเงินด้วย

  •  ปรับเปลี่ยนบุคลากร

พลีนัมครั้งที่ 4 จะให้ภาพชัดเจนถึงชะตากรรมของเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคและนายทหารระดับสูง

มีรายงานว่า หลิว เจียนเชา อดีตหัวหน้าแผนกต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองเป็นว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ กำลังถูกสอบวินัย ไม่มีใครเห็นเขาออกงานในช่วงสองเดือนหลัง

เหอ เว่ยตง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางผู้ดูแลกองกำลังติดอาวุธ หายหน้าหายตาไปตั้งแต่เดือน มี.ค. โดยไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ

เมียว ฮัว ผู้เคยเป็นหัวหน้าแผนกงานการเมือง คณะกรรมาธิการทหารกลาง ถูกพักงานเมื่อปีก่อน โทษฐาน “ละเมิดวินัยร้ายแรง” ถ้อยคำที่ใช้เรียกการทุจริต และถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มิ.ย.

หลิว เหอ และเมียว ต่างเป็นคณะกรรมาธิการกลาง โลห์จึงมองว่า พลีนัมครั้งที่ 4 เป็นวาระและเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงบุคลากรอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสมาชิกคณะกรรมาธิการกลางจะถูกปลดหรือถูกขับไล่ก็ด้วยมติเสียงข้างมากสองในสามเท่านั้น พลีนัมครั้งที่ 4 เป็นการประชุมเต็มคณะย่อมเหมาะสมต่อการตัดสินใจดังกล่าว 

โลห์ยกตัวอย่างการประชุมใหญ่ครั้งก่อน คณะกรรมการกลางยอมรับการลาออกของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศฉิน กัง ผู้ฉาวโฉ่และเห็นชอบให้ขับไล่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลี่ ชางฟู่ รวมถึงหลี่ ยูเฉา อดีตผู้บัญชาการกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน (พีแอลเอ) ซึ่งกำกับดูแลคลังอาวุธนิวเคลียร์ของจีนออกไป

พลีนัมครั้งที่ 4 นี้จะมีคณะกรรมการกลางอย่างน้อย 9 คนถูกปรับเปลี่ยน เนื่องจากกำลังถูกสอบทุจริตและเสียชีวิตหนึ่งคน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดนับตั้งแต่พลีนัมที่ 7 ของปี 2017 ที่คณะกรรมการกลาง 11 คนถูกขับไล่ แล้วเลื่อนสมาชิกสมทบ 11 คนขึ้นมาแทนที่

  •  ช่วงเวลาเหมาะสม

พลีนัมครั้งที่ 4 จะจบลงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมผู้นำเอเปคที่เกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ที่ทรัมป์คุยโวว่าจะได้พบกับสี นักวิเคราะห์เห็นพ้องกันว่า ช่วงเวลาประชุมช่วยให้ปักกิ่งกำหนดวาระภายในประเทศ และแสดงความสมานสามัคคีของพรรคคอมมิวนิสต์ก่อนเผชิญหน้าทางการทูตเดิมพันสูงแม้จีนยังไม่ได้ยืนยันว่าสีจะเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปคหรือไม่ก็ตาม แต่แม้ทรัมป์-สีพบกันจริง นักวิเคราะห์ยังมองว่า อาจเป็นแค่สัญลักษณ์มากกว่าได้เนื้อหาสาระ