ผู้ต้องสงสัยเกาหลีพัวพันแก๊งคอลเซนเตอร์กัมพูชา กลับถึงประเทศแล้ว 4 ราย

ผู้ต้องสงสัยเกาหลีพัวพันแก๊งคอลเซนเตอร์กัมพูชา กลับถึงประเทศแล้ว 4 ราย

ผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีใต้ 4 ราย จาก 63 ที่คาดว่าพัวพันกับแก๊งหลอกลวงไปทำงานในกัมพูชา เดินทางถึงเกาหลีใต้แล้ว เตรียมถูกสอบสวนความผิด ส่วนร่างผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างชันสูตรร่วม

ตำรวจเกาหลีใต้แถลงยืนยันในวันนี้ (15 ต.ค.) ว่า พลเมืองชาวเกาหลีใต้ 4 รายแรก จากทั้งหมด 63 ราย ที่ถูกจับกุมจากปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งต้มตุ๋นหลอกไปทำงานในกัมพูชา ได้ถูกส่งตัวกลับถึงประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับชาวเกาหลีใต้กลุ่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 63 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังมีการบุกทลายเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมครั้งใหญ่ ซึ่งอยู่เบื้องหลังคดีคนเกาหลีถูกหลอกไปทารุณกรรมและหายตัวไปหลายราย จนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

แถลงการณ์ของตำรวจระบุว่า ผู้ต้องสงสัยชุดแรกถูกควบคุมตัวกลับประเทศด้วยเที่ยวบิน 2 เที่ยวของสายการบินแห่งชาติเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) โดยในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาคนสำคัญที่มีชื่ออยู่ในหมายแดง (Red Notice) ขององค์การตำรวจสากล (Interpol) หลังทางการเกาหลีใต้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม การส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ซึ่งอนุญาตให้มีผู้ต้องสงสัยบนเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินแห่งชาติได้เพียงเที่ยวบินละ 2 คนเท่านั้น ประกอบกับผู้ต้องสงสัย 1 คนต้องใช้ตำรวจควบคุมตัวถึง 2 นาย ทำให้มีรายงานว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาแผนเช่าเหมาลำเครื่องบิน เพื่อขนผู้ต้องสงสัยที่เหลือกลับมาพร้อมกันในคราวเดียว โดยตำรวจตั้งเป้าจะนำตัวทั้งหมดกลับประเทศให้ได้ภายในหนึ่งเดือน

ด้านวี ซอง ลัก ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ แถลงในวันพุธ (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีใต้กำลังพยายามนำผู้ต้องสงสัยกว่า 60 คน ที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมไว้ในข้อหาหลอกลวงไปทำงานภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่คณะทำงานเฉพาะกิจเตรียมเดินทางไปยังกรุงพนมเปญเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่มุ่งเป้าหมายไปยังชาวเกาหลี

วี เผยด้วยว่า เมื่อผู้ต้องสงสัยเดินทางถึงเกาหลี จะถูกสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายโดยพิจารณาจากระดับของการกระทำความผิด

ส่วนการส่งกลับร่างผู้เสียชีวิตจากการถูกหลอกไปทารุณกรรม ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเผยว่า กระบวนการส่งกลับเกิดความล่าช้า เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนและการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของเกาหลีร่วมดำเนินงานด้วย พร้อมเสริมว่าเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศมีแผนทำการชันสูตรพลิกศพร่วมกันและนำร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศในเร็วๆ นี้

วียังได้ย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาเพื่อระบุตำแหน่งชาวเกาหลีใต้ที่อาจถูกองค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงออนไลน์กักขังไว้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่า มีคนกว่า 200,000 คน จากหลายชาติเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา และคาดว่ามีชาวเกาหลีใต้เกี่ยวข้องราว 1,000 คน และเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยต่อชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา วีกล่าวว่า รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเกาหลีเดินทางไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหางานฉ้อโกงที่ให้ค่าตอบแทนสูง และเชื่อมโยงกับการโทรศัพท์หลอกลวง (Voice Phishing) และกลโกงอื่นๆ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลี

เมื่อถามถึงผลกระทบของอาชญากรรมที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีจะมีผลต่อความช่วยเหลือในโครงการเพื่อการพัฒนา(ODA) ของเกาหลีใต้ที่ให้แก่กัมพูชาหรือไม่ วีกล่าวว่าทั้งสองประเด็นไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง

“ODA ควรได้รับการประเมินโดยพิจารณาจากความถูกต้องของวัตถุประสงค์ของหน่วยงานและการประเมินนั้นควรดำเนินการเป็นรายโครงการ” วีกล่าว

เกาหลีออกคำสั่งห้ามเดินทางไปกำปอต ปอยเปต

ด้านกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งห้ามเดินทางในบางพื้นที่ของกัมพูชาเมื่อวันพุธ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตการณ์หลอกลวงไปทำงานซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการทรมานชาวเกาหลีใต้

กระทรวงฯ ได้ออกคำสั่งห้ามเดินทางระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของระบบเตือนภัยการเดินทาง โดยสั่งห้ามเดินทางไปยังเขตภูเขาโบกอร์ จังหวัดกำปอต รวมถึงบาเวต และปอยเปต

นอกจากนี้ ยังได้ออกคำเตือนการเดินทางเพิ่มเติมสำหรับชาวเกาหลีในจังหวัดสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งรวมกลุ่มอาชญากร