MedMen บริษัทกัญชาแห่งแรกในตลาดหุ้น อดีตมูลค่า 3 พันล้าน ยื่นล้มละลายแล้ว!

MedMen บริษัทกัญชาแห่งแรกในตลาดหุ้น อดีตมูลค่า 3 พันล้าน ยื่นล้มละลายแล้ว!

Medman บริษัทกัญชาแห่งแรกในตลาดหุ้นเคยมีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ บูมเพราะกัญชาถูกกฏหมาย จนผู้บริหารกู้แบงก์เอาเงินมาลงทุนแบบฟุ่มเฟือยแต่ไม่คิดถึงต้นทุน จนบริษัทต้องแบกหนี้กว่า 410 ล้านดอลลาร์ จบที่ประกาศล้มลาย-ปิดสาขาทั่วประเทศ หลังตลาดซบเซา

เมดเมน (MedMen) บริษัทกัญชาแห่งแรกที่เข้าตลาดหุ้นแคนาดาพร้อมกับ “กัญชาถูกกฎหมาย” โดยหกปีหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงสุดกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ถึงขั้นได้รับการยกย่องว่าเป็น "Apple Store แห่งวงการกัญชา"  แต่ตอนนี้ร้าน MedMen แทบไม่มีค่าอะไรเลยจนต้องการประกาศ “ล้มละลาย”ในที่สุด

โดยบริษัทได้ทำการยื่นล้มละลายในศาลประเทศแคนาดา หลังจากที่บริษัทต้องแบกหนี้สินมากถึง 410 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนบริษัทย่อยในแคลิฟอร์เนีย อยู่ภายใต้การบริหารของผู้พิทักษ์สินทรัพย์ในลอสแอนเจลิส

อิงกระแส'กัญชาถูกกฎหมาย'

MedMen รีบเข้าสู่ตลาดกัญชาถูกกฎหมายทันทีหลังจากรัฐแคลิฟอร์เนียอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมายในปี 2559 และเคยเป็นดาวเด่นของตลาดกัญชาถูกกฎหมายในแคลิฟอร์เนีย เปิดร้านดูทันสมัย เรียบง่าย คล้ายกับ Apple Store พร้อมกับสัญญาว่าจะทำให้กัญชามีภาพลักษณ์ใหม่ สลัดภาพกัญชาแย่ๆในยุคผิดกฎหมาย

ด้วยความคาดหวังว่าความต้องการกัญชาที่ถูกกฎหมายจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว MedMen บริษัทขายกัญชา ได้เปิดหน้าร้านราคาแพงในหลายพื้นที่ รวมไปถึงชายหาดเวนิส ถนนฟิฟท์อเวนิวในนิวยอร์ก และใกล้กับลาสเวกัส การเปิดหน้าร้านเหล่านี้สร้างกระแสข่าวและความสนใจของสาธารณชนต่อกัญชาที่ถูกกฎหมาย

ภายใต้การนำของผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง อดัม เบียร์แมน ซึ่งเปิดบริษัทตั้งแต่ยังอายุยี่สิบกว่าๆ แล้วพา MedMen เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2561 ด้วยราคาหุ้นละ 3 ดอลลาร์ และนักลงทุนดันให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นกว่าสองเท่าภายในสิ้นปี 2561

เบื้องหลังความล้มเหลวของ MedMen

ด้วยความมั่นใจจากความสำเร็จในช่วงแรก MedMen ตั้งเป้าหมายที่จะขยายกิจการ ทำให้บริษัทกู้หนี้หลายร้อยล้านดอลลาร์และเดินหน้าควบรวมกิจการครั้งใหญ่กับคู่แข่งอย่างฟาร์มาแคนน์(PharmaCann) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายกัญชาถูกกฎหมายที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยดีลในครั้งนี้มีมูลค่าถึง 682 ล้านดอลลาร์

แต่ดีลการควบรวมกิจการของ  MedMen ล่มลง เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมประกาศว่าจะตรวจสอบการควบรวมกิจการนี้ในข้อหากีดกันการค้า  และประสบปัญหาในการชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้ ขณะที่ตลาดกัญชาโดยรวมซบเซาลงและนักลงทุนต่างพากันถอนตัวออกไป ท่ามกลางความกังวลที่ว่าตลับยาสูบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นอันตรายจะนำไปสู่การควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในตลาดกัญชา

“เขาเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2561 พอถึงปี 2563 MedMen ก็ประสบปัญหาหนักแล้วครับ พวกเขาแบกภาระหนี้สินมากเกินไป และโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง" บร็อคสไตน์กล่าว

ผู้บริหารลงทุนอย่างฟุ่มเฟือย 

นอกจากนี้ การที่บริษัทเปิดสาขาในย่านเบฟเวอร์ลี่ฮิลส์ และบนถนนฟิฟธ์อเวนิว นิวยอร์กซิตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลที่มีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่รัฐนิวยอร์กยังไม่อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายในขณะนั้น โดยช่วงที่เฟื่องฟูที่สุด MedMen มีพนักงานมากกว่า 1,300 คน และมีสาขากระจายอยู่ทั่ว 7 รัฐ รวมถึง 3 สาขาในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก

การที่ Medman เคยมีมูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึงหลักพันล้านดอลลาร์ กลับกลายเป็นช่องทางให้เหล่าผู้บริหารของ MedMen ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย รวมถึงการซื้อรถหรู พนักงานรักษาความปลอดภัยราคาแพง และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว

ความฟุ่มเฟือยบีบให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง ภายในปี 2563 ตามรายงานของ CNN บริษัทประสบปัญหาในการชำระหนี้และมูลค่าหุ้นร่วง 92% เหลือ 0 ดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่เคยอยู่ที่ราวๆ 6 ดอลลาร์ เมื่อต้นปี 2563 เนื่องจากร้านค้าปลีกแห่งนี้ประสบปัญหาในการรองรับการจ่ายภาษีที่สูง และการแข่งขันกับผู้ขายที่ไม่ได้รับอนุญาตซึ่งขายตัดราคา

หมดช่วงโควิด=หมดยุคกัญชารุ่งเรือง

แม้ว่าโควิดจะทำให้ Medmen ฟื้นจากความย่ำแย่ เพราะผู้คนหยุดงานและไม่ถูกตรวจสอบสารเสพติดในร่างการทำให้เกิดความต้องการกัญชามากขึ้น แต่ใครจะเมาตลอดเวลา? บรอชสไตน์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมกัญชากล่าว

“บทเรียนที่โลกได้เรียนรู้จากการทดลองให้เงินผู้คนโดยไม่ต้องทำงานและใช้เวลานั้นไปกับการเสพกัญชาทั้งวัน ทำให้อุตสาหกรรมกัญชาประสบความสำเร็จเกินคาดในปี 2563”

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา MedMen พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการขายทรัพย์สินเพื่อเพิ่มกำไร แต่ดูเหมือนว่าไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหนี้บางรายจะดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท

ครั้งหนึ่ง MedMen เคยเปิดสาขามากถึง 25 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะขยายกิจการไปยังต่างประเทศ แต่ปัจจุบันปิดถาวรไปแล้วและเหลือเพียงสองแห่งเท่านั้น

ส่วน เบียร์แมนถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งในช่วงต้นปี 2563 หลังจากถูกฟ้องร้องหลายคดีที่มีชื่อเสียง โดยถูกกล่าวหาว่าเขาและคณะผู้บริหารเหยียดสีผิว ปั่นหุ้นบริษัท และใช้เงินบริษัทโดยมิชอบธรรมเพื่อสนับสนุนวิถีชีวิตฟุ่มเฟือย รวมถึงการ์ดรักษาความปลอดภัยส่วนตัวและรถยนต์ Cadillac Escalade ที่ปรับแต่งพิเศษ

“ไม่น่าแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Medman สิ่งนี้สะท้อนว่า ผู้คนสามารถหลงใหลในร้านค้า ผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ทำการตรวจสอบอย่างรอบคอบ แต่บริษัทนี้เป็นหายนะตั้งแต่วันแรก”

อ้างอิง fortune