'ไบเดน' กลับวอชิงตันด่วน ประชุมฝ่ายความมั่นคงหารือ 'อิหร่านโจมตีอิสราเอล'

'ไบเดน' กลับวอชิงตันด่วน ประชุมฝ่ายความมั่นคงหารือ 'อิหร่านโจมตีอิสราเอล'

ปธน.ไบเดน รีบกลับจากพักร้อน เข้าประชุมกับฝ่ายความมั่นคงสหรัฐด่วน เพื่อหารือประเด็น "อิหร่านโจมตีอิสราเอล"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (13 เม.ย.) หลังประชุมฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ เพื่อหารือเกี่ยวกับการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลุกฮือเป็นวงกว้างในภูมิภาคตะวันออกกลาง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ไบเดนหยุดพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ในรัฐเดลาแวร์กะทันหัน และกลับไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอื่น ๆ

ไบเดน ระบุผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า

“ผมเพิ่งพบฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่ออัปเดตประเด็นการโจมตีอิสราเอลของอิหร่าน ... สหรัฐมีความมุ่งมั่นปกป้องความมั่นคงของอิสราเอลต่อภัยคุกคามจากอิหร่านและพรรคพวก”

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐ 3 ราย อ้างอิงทำเนียบขาว ระบุ ไบเดนเข้ารับฟังสรุปความคืบหน้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง และมีรายงานว่า กองทัพสหรัฐ สามารถยิงสกัดโดรนอิหร่านที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลร่วง

ทำเนียบขาวเผยว่า การประชุมใน​ Situation Rooom ศูนย์การจัดการวิกฤติที่อยู่ทางปีกตะวันตกของทำเนียบขาว มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุมหลายราย อาทิ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ, ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ, วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง, แอวริล ไฮน์ส ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่น ๆ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงาน เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ รมว.ออสติน ได้พูดคุยกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล เพื่อหารือประเด็น “ภัยคุกคามภูมิภาคฉุกเฉิน” และย้ำว่าสหรัฐสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ในการต่อต้านการโจมตีของอิหร่านและพรรคพวก

ต่อมาอิสราเอลเรียกระดมกองทัพอย่างเต็มรูปแบบ และยกเลิกการเรียนการสอน รวมถึงกิจกรรมสำหรับเยาวชนอื่น ๆ

การโจมตีอิสราเอลในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังรัฐบาลเตหะรานให้คำมั่นตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อสัปดาห์ก่อน คร่าชีวิตผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน-กองกำลังคู๊ด (IRGC-QF) 1 ราย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่น ๆ อีก 6 ราย

 

 

 

อ้างอิง: Reuters