'เยลเลน' ฟาดจีน ผลิตล้น-กดราคาถูก ทำภาคธุรกิจสีเขียวทั่วโลกแข่งขันไม่ได้

'เยลเลน' ฟาดจีน ผลิตล้น-กดราคาถูก ทำภาคธุรกิจสีเขียวทั่วโลกแข่งขันไม่ได้

รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนจีน "ผลิตล้นจนบิดเบือนราคา" กลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจสีเขียว ตั้งแต่แผงโซลาร์ยันรถไฟฟ้าอีวี ยืนยันจะหยิบยกปัญหานี้หารือระหว่างเยือนจีนครั้งหน้า หลังถูกจีนยื่นฟ้องในเวที WTO

เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวเตือนเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ว่า จีนกำลังทุ่มขายผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาดทั่วโลกในราคาที่ถูกมาก ซึ่งทำให้ราคาในตลาดโลกตกต่ำลง และส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสหรัฐ

เยลเลนกล่าวปาฐกถาที่บริษัทซันนิวา ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ในรัฐจอร์เจียว่า มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทั่วโลกจากกำลังการผลิตส่วนเกินในจีน ซึ่งกำลังการผลิตที่มากเกินของจีนจะบิดเบือนราคาในตลาดโลกและรูปแบบการผลิต และจะส่งผลกระทบต่อบริษัทและพนักงานของสหรัฐ รวมถึงบริษัทและพนักงานทั่วโลกด้วย
 

จีนมีอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์, รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเหลือเฟือที่จะสามารถจัดส่งไปยังประเทศต่าง ๆ ในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ยากที่อุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหน้าใหม่ของสหรัฐและที่อื่น ๆ ทั่วโลกจะสามารถแข่งขันได้

รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ย้ำว่า ตั้งใจจะสร้างแรงกดดันต่อทางการจีนเกี่ยวกับหลักปฏิบัติด้านการค้าในระหว่างที่เดินทางเยือนจีน โดยมีแผนจะทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในการหารือในการเดินทางครั้งถัดไป และจะกดดันให้คู่เจรจาจากจีนต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว

เยลเลนเสริมว่า ยิ่งจีนขายผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาดราคาถูกมากขึ้นเท่าใด ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดโลกมากขึ้นเท่านั้น และจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมพลังงานด้วย

"ประธานาธิบดีไบเดนมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่เราทำได้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของเราจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม" เยลเลนกล่าว

ทั้งนี้ ความคิดเห็นของเยลเลนได้ตอกย้ำถึงความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน แม้ว่าทั้งสองประเทศพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคงก็ตาม

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การแสดงความกังวลของเยลเลนมีขึ้นในขณะที่ทำเนียบเขากำลังพยายามเร่งสร้างอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดด้วยเม็ดเงินลงทุนจากกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อของสหรัฐ (IRA) ตลอดจนกฎหมายอื่น ๆ อาทิ กฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ (Chips and Science Act)

ในขณะเดียวกัน จีนได้ทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากในด้านพลังงานสะอาดมานานหลายปี ทำให้จีนแซงหน้าประเทศอื่น ๆ ในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน

จีนฟ้อง WTO สหรัฐเลือกปฏิบัติกับ 'อีวีจีน'

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มี.ค. สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ผู้แทนการค้าของจีนได้ยื่นฟ้องสหรัฐในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเป็นทางการแล้ว กรณีการเลือกปฏิบัติต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ซึ่งนับเป็นการเปิดแนวรบล่าสุดของข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ดำเนินมายาวนาน

กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า การยื่นฟ้องในเวทีดับเบิลยูทีโอครั้งนี้ เพื่อต้องการสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศที่เป็นธรรมต่อบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน รวมไปถึงอุตสาหกรรมอีวีทั่วโลกด้วย

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนอ้างว่า ภายใต้บริบทของการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปกป้องสิ่งแวดล้อม สหรัฐได้กำหนดนโยบายที่เป็นการเลือกปฏิบัติขึ้นมาภายใต้กฎหมายการลดเงินเฟ้อ (ไออาร์เอ) ที่สนับสนุนการใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ ทว่ากลับกีดกันรถยนต์จากจีนและประเทศสมาชิกอื่นในดับเบิลยูทีโอ จากมาตรการอุดหนุนดังกล่าวของสหรัฐ

การเลือกปฏิบัติดังกล่าวจึงเป็นการบิดเบือนการแข่งขันที่เป็นธรรม ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงยังละเมิดหลักการของ WTO เช่น หลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ และหลักการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง

กระทรวงพาณิชย์ของจีนย้ำว่า จีนคัดค้านเรื่องดังกล่าวอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้สหรัฐปฏิบัติตามกฎของดับเบิลยูทีโอ รวมถึงเคารพในเทรนด์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของโลก และแก้ไขนโยบายการเลือกปฏิบัติเสียใหม่ให้ถูกต้อง

นางแคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังทบทวนข้อเรียกร้องของจีนที่ขอการปรึกษาหารือในเวทีดับเบิลยูทีโอ โดยมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายไออาร์เอปี 2565 และการใช้มาตรการต่างๆ ภายใต้กฎหมายดังกล่าว

นางไท่ ระบุในแถลงการณ์ว่า กฎหมายไออาร์เอของสหรัฐสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ซึ่งสหรัฐกำลังแสวงหาแนวร่วมกับพันธมิตร พร้อมยังกล่าวหาจีนว่าใช้นโยบายที่ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามกลไกตลาดในการสร้างความได้เปรียบให้ผู้ผลิตของจีน

ทั้งนี้ กระบวนการระงับข้อพิพาทในดับเบิลยูทีโอจะใช้เวลา 6 เดือน หลังจากตั้งคณะอนุญาโตตุลาการขึ้นแล้ว ทว่าทางปฏิบัติจริงมักใช้เวลานานกว่านั้นมาก