พระราชาธิบดีองค์ใหม่ บุคคลรวยที่สุดในมาเลเซีย?

พระราชาธิบดีองค์ใหม่ บุคคลรวยที่สุดในมาเลเซีย?

จากการที่ “สุลต่านอิบราฮิม” จากรัฐยะโฮร์ ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของมาเลเซีย ทำให้ได้รับการจับตาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะความมั่งคั่งส่วนพระองค์ ซึ่งสูงติดระดับแถวหน้าของประเทศ

มาเลเซีย ถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทยอย่างมาก ซึ่งก็ทำให้เราและมาเลเซียมีสิ่งที่คล้ายคลึงเหมือนกันอยู่หลายประการ ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี หรือแม้กระทั่งสิ่งละอันพันละน้อยอย่างการขับรถเลนซ้าย ซึ่งก็ล้วนเป็นดอกผลอิทธิพลของอังกฤษ เจ้าอาณานิคมเก่า

ถึงแม้ไทยและมาเลเซียจะมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีตัวแทนระบบรัฐสภา และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนกัน แต่สิ่งที่มาเลเซียต่างจากไทยและทั่วโลกก็คือตำแหน่งกษัตริย์ซึ่งคือประมุขของประเทศนั้น จะถูกเลือกโดยจากสมาชิกสภาเจ้าผู้ปกครองรัฐ ซึ่งก็คือสุลต่านของรัฐทั้ง 9 ที่ประกอบรวมตัวกันเป็นมาเลเซีย โดยตำแหน่งนี้ก็เรียกว่า “ยังดี เปอร์ตวน อากง” ซึ่งแปลตรงตามตัวว่า “กษัตริย์แห่งกษัตริย์” และมีวาระดำรงตำแหน่งครั้งละ 5 ปี
 

ดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดการเปรียบเทียบระหว่างกษัตริย์องค์เก่ากับองค์ใหม่ โดยเป็นที่ทราบกันว่าสุลต่านอิบราฮิมซึ่งทรงเป็นสุลต่านแห่งยะโฮร์อีกตำแหน่งนั้น ถือได้ว่าเป็นผู้นำรัฐที่มีความหวือหวาอยู่พอสมควร ทั้งในแง่ของการเป็นกษัตริย์นักธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจีนและสิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งรสนิยมที่หรูหรา

ข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า สุลต่านอิบราฮิม ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในมาเลเซียด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 5,700 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ ในส่วนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของรัฐยะโฮร์ ทั้งขนาดของรัฐยะโฮร์ที่มีขนาดใหญ่และประชากรที่มากเป็นอันดับสองของประเทศ รวมถึงทำเลที่ตั้งที่ติดกับสิงคโปร์และช่องแคบมะละกา ทางตะวันตกของมาเลเซีย ก็ยิ่งทำให้อิทธิพลของสุลต่านพระองค์นี้ถูกหลายฝ่ายจับตาตั้งแต่ก่อนขึ้นดำรงตำแหน่ง

แท้จริงแล้ว สุลต่านอิบราฮิม ก็ไม่ใช่คนอื่นไกลจากกษัตริย์พระองค์ก่อนสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่านอับดุลลาห์ แห่งรัฐปะหัง ผู้ซึ่งเป็นน้องเขย เพราะพระราชินีของกษัตริย์องค์ก่อนคือพระขนิษฐาร่วมมารดาของสุลต่านอิบราฮิม ซึ่งหากติดตามข่าวมาเลเซียอย่างต่อเนื่องจะทราบว่ากษัตริย์และพระราชินีพระองค์ก่อนนั้นเป็นที่รักของประชาชนมาก ด้วยพระอิริยาบถที่ไม่ถือพระองค์ เข้าถึงง่ายและเป็นกันเอง

สุลต่านอิบราฮิม คือนักธุรกิจที่แท้จริงที่มีความสนใจในการพัฒนารัฐยะโฮร์ให้มีความเจริญ ซึ่งหลายครั้งที่ความเห็นและการกระทำ รวมถึงดีลธุรกิจต่างๆ ของพระองค์ ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงพระราชอำนาจ รวมไปถึงผลประโยชน์ระหว่างทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรัพย์สินของรัฐยะโฮร์ ความใกล้ชิดระหว่างพระองค์กับนักลงทุนสิงคโปร์และจีนก่อให้เกิดโครงการมากมายซึ่งดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่รัฐยะโฮร์

และหนึ่งในโครงการที่สมควรกล่าวถึงคือ อภิมหาโปรเจกต์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรัฐยะโฮร์อย่าง “Forest City” ที่มีมูลค่าลงทุนถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road ของจีน ที่ในปัจจุบันมีความคืบหน้าเพียง 15% ตั้งแต่โครงการริเริ่มในปี 2559 และบริษัทสัญชาติจีนเจ้าของโครงการมีหนี้สูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้คนต่างเรียกเมืองใหม่นี้ว่า เมืองร้างเพราะมีคนอยู่ไม่ถึง 1%

Forest City สมควรเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาถึงโครงการที่มีความทะเยอทะยานสูง ความพยายามในการพัฒนาเศรษฐกิจและความตั้งใจดีในการดึงดูดเม็ดเงินและการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ไร้การคำนึงถึงขีดจำกัดและอุปสรรคต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ

จะว่าไปแล้ว รัฐบาลไทยที่กำลังผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์อย่าง “แลนด์บริดจ์” สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อผิดพลาดและเรียนรู้จากโครงการดังกล่าวของมาเลเซีย

สุลต่านอิบราฮิม จะเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของมาเลเซีย ทั้งในแง่ของกำลังเงิน และในแง่ของพระราชอำนาจ ซึ่งหากจะวิเคราะห์จากประวัติศาสตร์ทางการเมืองของมาเลเซียที่ในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีมีบทบาทอย่างมากในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการตั้งรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่า จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง