สองคดีบ่งชี้ความเสื่อมของสหรัฐ? | ไสว บุญมา

สองคดีบ่งชี้ความเสื่อมของสหรัฐ? | ไสว บุญมา

สัปดาห์นี้ 2 คดีในศาลอเมริกันคงเป็นเชื้อไฟให้แก่กระบวนการต่อต้านสหรัฐที่กำลังเข้มข้น จนดูเหมือนเป็นการรณรงค์แบบจงใจให้ชาวไทยเกลียดชังทุกอย่างเกี่ยวกับชาวอเมริกัน

คดีที่เป็นข่าวใหญ่ได้แก่ อัยการของรัฐบาลกลางฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อศาลอาญา โดยกล่าวหาว่านายทรัมป์นำเอกสารลับกลับไปเก็บไว้ที่บ้านเมื่อลงจากตำแหน่ง และจงใจกีดขวางอย่างเต็มที่เมื่อรัฐบาลต้องการเอกสารเหล่านั้นคืน 

คดีนี้เป็นปรากฏการณ์จำพวกไม่เคยมีมาก่อน เพียงปรากฏการณ์เดียวเกี่ยวกับเรื่องราวอันยาวเหยียดของนายทรัมป์ ซึ่งอาจมองว่าเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ตอกย้ำถึงความเลวร้ายและความเสื่อมของสหรัฐ

นายทรัมป์แสดงพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า เขามีความบกพร่องร้ายแรงทางศีลธรรมจรรยามานาน แต่ชาวอเมริกันเกือบ 63 ล้านคนเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 ในระหว่างดำรงตำแหน่งอยู่ 4 ปี เขาถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนถึง 2 ครั้งซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ 

ในการเลือกตั้งปี 2563 แม้เขาจะแพ้ แต่ได้คะแนนจากชาวอเมริกันกว่า 74 ล้านเสียง ขณะนี้ นายทรัมป์กำลังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา 2 คดี แต่ยังมีชาวอเมริกันนับสิบล้านคนสนับสนุนเขาให้ลงสมัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดี ซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีหน้า

ปรากฏการณ์นี้เป็นตัวบ่งชี้หรือไม่ว่า ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนไร้ศีลธรรมจรรยา ทำให้สหรัฐเป็นประเทศเลวร้ายดังที่คนไทยจำนวนหนึ่งมอง?

อย่างไรก็ดี คดีของนายทรัมป์คงมองจากมุมตรงข้ามได้เช่นกัน นั่นคือ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายในสังคมอเมริกัน นายทรัมป์เป็นมหาเศรษฐีและเคยมีตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดในประเทศ แต่กำลังถูกฟ้องอาญาแม้จะไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสังคมอเมริกันก็ตาม

ความจริงข้อนี้ใช้เป็นตัวบ่งชี้ได้ไหมว่า สังคมอเมริกันมีความเท่าเทียมกันทางกฎหมายมากกว่าหลายประเทศ?

อีกหนึ่งคดีแทบไม่มีสื่อรายงาน ทั้งที่มีความสำคัญในด้านการเป็นคดีซึ่งไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งด้านการแสดงจุดยืนของเยาวชน คดีเกิดที่รัฐมอนแทนาซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของสหรัฐ

มอนแทนามีสภาพเป็นชนบทเกือบทั้งหมด มีขนาดราว 75% ของประเทศไทยแต่มีประชากรเพียงล้านคนเศษ มีภูมิประเทศงดงามพร้อมอากาศสะอาดสดใส มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายรวมทั้งที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรมและแหล่งพลังงานโดยเฉพาะถ่านหินที่มีมากกว่ารัฐอื่น 

เมื่อไม่นานมานี้ มีเยาวชน 16 คนรวมตัวกันฟ้องศาลว่า นักการเมืองในรัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญของรัฐ ซึ่งให้ประกันแก่ประชาชนว่าตนมีสิทธิเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่สะอาด เพราะออกกฎหมายเอาใจภาคอุตสาหกรรมที่ทำให้สิ่งแวดล้อมสกปรกโดยเฉพาะจากถ่านหิน แม้ผู้ถูกฟ้องจะคัดค้าน แต่ศาลรับฟ้องและนัดพิจารณาคดีจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป

คดีนี้ผู้ที่มองสหรัฐในแง่ร้ายคงอ้างได้ว่าสังคมเมริกันกำลังเสื่อม เยาวชนไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ หรือไม่ก็ถูกเสี้ยมอย่างง่ายดายให้สร้างปัญหาขัดความเจริญก้าวหน้าของส่วนรวม

แต่ในขณะเดียวกันคงมองได้ว่า เยาวชนอเมริกันรู้จักคิดและพยายามรักษาสิทธิของพวกตนตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นกติกาหลักของการอยู่ร่วมกัน ส่วนศาลยุติธรรมก็มีความเป็นกลางพร้อมทำหน้าที่รับฟังข้อมูลและเหตุผลของทั้งสองฝ่าย 

จะมองจากมุมไหนก็ตาม การตัดสินของศาลจะเป็นบรรทัดฐานของการพิจารณาคดีทำนองนี้ซึ่งจะมีเกิดขึ้นในรัฐอื่นๆ อีกแน่นอนและจะมีผลต่อการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ

สหรัฐอาจเลวร้ายและกำลังตกอยู่ในภาวะเสื่อมลงตามมุมมองหลายคน อย่างไรก็ตาม หากมองจากมุมของการบริหารบ้านเมืองแนวประชาธิปไตย ซึ่งมีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ

ปรากฏการณ์ที่มีทั้งฝ่ายบริหารและเยาวชนฟ้องร้องต่อศาลให้พิจารณาคดีดังที่อ้างถึง คงมองได้ว่าทุกฝ่ายทำงานตามหน้าที่และมีศรัทธาในฝ่ายตุลาการ ต่างกับในหลายประเทศซึ่งฝ่ายตุลาการไม่ทำงานแบบตรงไปตรงมาเป็นที่ประจักษ์ 

เมื่อสภาพนี้อยู่นานไป การบริหารบ้านเมืองแนวประชาธิปไตยย่อมไม่สำเร็จ ร้ายยิ่งกว่านั้น ในปัจจุบันนี้มีหลายตัวอย่างที่ยืนยันว่ามันได้นำไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลว.