สิงคโปร์ช้อปแหลก ก่อนภาษีการค้าปรับขึ้นเป็น 8% หนุนเบี้ยผู้สูงอายุ

สิงคโปร์ช้อปแหลก ก่อนภาษีการค้าปรับขึ้นเป็น 8% หนุนเบี้ยผู้สูงอายุ

ชาวสิงคโปร์ชอปปิงคึกคัก ทั้งแหวน เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากวันที่ 1 ม.ค. 66 เป็นต้นไป ภาษีการค้าของสิงคโปร์จะปรับขึ้น 1% เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2566 ภาษีการค้าทุกประเภทของสิงคโปร์ ตั้งแต่ของชำไปจนถึงเครื่องเพชรจะปรับขึ้นจาก 7% เป็น 8% และหากเศรษฐกิจตกต่ำมากในปีหน้า สิงคโปร์อาจขึ้นภาษีการค้าเป็น 9% ในปี 2567 เนื่องจากประเทศต้องการเพิ่มรายได้ภาษีเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้สูงอายุ

อย่างไรก็ตาม ภาษีการค้า 8% ของสิงคโปร์สูงกว่าภาษีของไทยที่ 7% เพียงเล็กน้อย แต่ต่ำกว่าภาษีของอินโดนีเซียที่ 11% และน้อยกว่าภาษีในประเทศยุโรปหลายแห่ง 20% รวมถึงต่ำกว่าภาษีญี่ปุ่นที่ 10%

ทั้งนี้ การประกาศขึ้นภาษีสิงคโปร์เกิดขึ้นในขณะบางประเทศ อย่างไทย และอิตาลี ลดภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

เมื่อเดือนก.ย. ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันเมื่อปีก่อน และสูงขึ้น 10.4% ในเดือน ต.ค.เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบไตรมาสของปี 64

“โซอิฟ นูร์” นักวิศวกรชาวสิงคโปร์วัย 28 ปี ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เขาซื้อเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ต่างๆ ล่วงหน้า 4 เดือน ก่อนเข้าตกแต่งบ้านหลังใหม่ ซึ่งการช้อปก่อนขึ้นภาษี ช่วยให้เขาประหยัดเงิน 250 ดอลลาร์สิงคโปร์ และเสริมว่าเพื่อนร่วมงานบางคนรีบซื้อแหวนแต่งงาน เพราะถูกแฟนสาวให้รีบขอแต่ง ก่อนแหวนจะราคาแพงไปมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนับสนุนนโยบายดังกล่าว เผยว่า สิงคโปร์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ เพื่อรับมือกับคาดการณ์ผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยรัฐบาลคาดว่า 1 ใน 4 ของประชากรจะเป็นผู้สูงอายุวัย 65 ปีขึ้นไป ภายในปี 2573 และเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน รัฐบาลจึงสัญญาว่าจะให้เงินอุดหนุนชาวสิงคโปร์ราว 3 ล้านคน คนละ 700 ดอลลาร์สิงคโปร์ มากกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณประกัน มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์