'ไชยชนก' เปิดเกมชนแพลตฟอร์มดิจิทัล ล้างบางผูกขาด-สั่งลดค่า GP ช่วยประชาชน

รมว.ดีอี 'ไชยชนก ชิดชอบ' ลุยสางปัญหาเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งแต่การบังคับใช้โลจิสติกส์เฉพาะบางเจ้าใน ไปจนถึงค่า GP ที่บีบผู้ค้า พร้อมเร่งร่างกฎหมายค้างตู้และยกระดับมาตรฐานสินค้าออนไลน์ เดินหน้าปลดล็อกแพลตฟอร์มผูกขาดคืนความเป็นธรรมให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทย
KEY
POINTS
- รมว.ดีอีเตรียมผลักดันให้ผู้บริโภคและผู้ค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีสิทธิเลือกบริษัทขนส่งได้อย่างเสรี
- เตรียมเจรจากับแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อหาแนวทางลดภาระค่าคอมมิชชัน (GP) ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หากไม่ลดโดยตรงต้องมีโซลูชันอื่น
- สั่งคุมเข้มมาตรฐานสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง โดยยืนยันจะใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่
- เดินหน้าผลักดันกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.ไปรษณีย์ และ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างกรอบการทำงานที่ทันสมัย
- เปิดศูนย์ AOC Dashboard เพื่อใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์และแจ้งเตือนภัยออนไลน์แบบเรียลไทม์ ในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และข่าวปลอม
เพียง 4 เดือนในเก้าอี้ รมว.ดีอี “ไชยชนก ชิดชอบ” เปิดเกมรุกทุกมิติ ตั้งแต่สางกฎหมายค้างท่อ ปลดล็อกการผูกขาดโลจิสติกส์ในอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงคุมเข้มมาตรฐานสินค้าออนไลน์ หลังเกิดเคสเด็กเสียชีวิตจากของไร้มาตรฐาน เดินหน้ากู้ศรัทธาประชาชน พร้อมประกาศ “ยุคใหม่ดีอี” ต้องเท่าทันภัยดิจิทัลและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ดังนั้น ในเวลาการทำงานที่สั้นหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) “ไชยชนก ชิดชอบ” แสดงให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของกระทรวงที่ไม่รอเวลา แต่ “เร่งขับเคลื่อน” ทุกมิติของเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งการปกป้องประชาชนจากภัยออนไลน์ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ และการเร่งสานต่อกฎหมายสำคัญที่เป็นรากฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีไทย
เขายอมรับตรงไปตรงมาว่า ยังไม่อาจลงลึกได้ทุกประเด็นของกระทรวงซึ่งมีงานซับซ้อนหลายด้าน แต่สิ่งที่ทำได้คือไม่ปล่อยให้เรื่องสำคัญหยุดนิ่ง โดยได้มอบหมายให้ทีมงานเร่งเดินหน้ากฎหมายสำคัญทันที
ทั้งร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา, พ.ร.บ.ไปรษณีย์, พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม และ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต่างเป็นชิ้นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
ดีอีไม่ควรเป็นแค่หน่วยงานนโยบาย แต่ต้องเป็นฟันเฟืองที่ทำให้คนไทยใช้ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม
ปลดล็อกการผูกขาดโลจิสติกส์ ดัน “สิทธิเลือก” กลับสู่ผู้บริโภค
หนึ่งในโจทย์ร้อนที่ไชยชนกหยิบขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ คือการจัดระเบียบแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะ “TikTok Shop” ซึ่งถูกตั้งคำถามเรื่องการบังคับให้ผู้ค้าต้องใช้บริการขนส่งเฉพาะเจ้า สร้างความเสียเปรียบต่อผู้ประกอบการรายอื่น โดยเฉพาะ “ไปรษณีย์ไทย” ที่สูญเสียรายได้อย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
รมว.ดีอี ยืนยันว่า เรื่องนี้อยู่ในมือแล้วและกระทรวงจะผลักดันให้เกิดเสรีภาพในการเลือกขนส่ง เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเลือกบริการที่เหมาะสมกับต้นทุนของตนเองได้ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการฟื้นบทบาทของไปรษณีย์ไทยให้กลับมาเป็นทางเลือกสำคัญในตลาดอีกครั้ง และที่สำคัญประชาชนควรมีสิทธิเลือก ไม่ใช่ถูกบังคับให้ใช้บริการใดบริการหนึ่ง
TikTok Shop ภายใต้กฎหมาย ETDA – มาตรฐานสินค้าต้องมาก่อนยอดขาย
นับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นมา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ประกาศให้ “แพลตฟอร์มดิจิทัล” อยู่ภายใต้การกำกับตามกฎหมาย เพื่อสร้างกรอบความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ทว่าความท้าทายก็เกิดขึ้นทันทีเมื่อเกิดกรณี “เด็กหญิงวัย 10 ขวบเสียชีวิต” จากการใช้ไดร์เป่าผมที่ซื้อออนไลน์และถูกระบุว่าไม่ได้มาตรฐาน
ไชยชนกเปิดเผยว่า เพิ่งได้รับรายงานกรณีนี้และอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด แต่ย้ำว่าหากพบความผิดชัดเจน รัฐจะไม่ปล่อยผ่าน เพราะแม้มาตรฐานสินค้าจะอยู่ในความรับผิดชอบของแพลตฟอร์ม แต่กระทรวงมีอำนาจทางกฎหมายในการ จัดการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
เขายังมองว่า การทำงานร่วมกับภาคเอกชนในยุคนี้มีบรรยากาศที่เปิดกว้างขึ้น เมื่อเทียบกับอดีตในรัฐบาลชุดก่อน บริษัทแพลตฟอร์มสบายใจที่จะพูดคุยกับภาครัฐ ทำให้โอกาสในการหาทางออกร่วมกันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ค่า GP แพงเกินไป? รัฐ-แพลตฟอร์มหาทางออกช่วยประชาชน
ประเด็น “ค่าGP” หรือค่าคอมมิชชันที่แพลตฟอร์มเรียกเก็บจากผู้ค้า เป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่กระทบผู้ประกอบการโดยตรง โดยเฉพาะรายย่อยที่ต้องแบกรับต้นทุนสูงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น
แม้ยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการกับ ETDA แต่ไชยชนกเผยว่า ได้พูดคุยเบื้องต้นกับบางแพลตฟอร์มแล้ว และพบว่า เอกชนไม่อยากลด GP เพราะอาจกระทบต่อโมเดลธุรกิจของตนเอง อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า รัฐจะไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนเสียเปรียบ พร้อมเสนอแนวทางว่า หากไม่ลด ก็ต้องมี โซลูชันอื่นที่ช่วยลดภาระให้ผู้ค้า เช่น โปรแกรมสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ หรือแพ็กเกจส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่น
เปิดศึกภัยออนไลน์ – ปกป้องประชาชนด้วย “ข้อมูลแบบเรียลไทม์”
นอกจากประเด็นเศรษฐกิจดิจิทัลแล้ว อีกด้านที่ไชยชนกให้ความสำคัญคือ ความปลอดภัยออนไลน์ซึ่งกลายเป็นโจทย์ท้าทายระดับชาติ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และข่าวปลอม
กระทรวงดีอีได้จัดตั้ง AOC Dashboard ศูนย์วิเคราะห์ภัยออนไลน์แบบเรียลไทม์ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์พฤติกรรมการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตั้งเป้าให้ประชาชนเห็นสัญญาณเตือนภัยได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องมือสำคัญของภาครัฐในการวางนโยบายเชิงรุก
โดยยุคใหม่ของดีอี รัฐต้องทันโลก เอกชนต้องร่วมขับเคลื่อนในระยะยาว ไชยชนก ตั้งเป้าพัฒนา นโยบายดิจิทัลที่ประชาชนได้ประโยชน์จริง โดยยึดหลัก ภาครัฐต้องเร็วเท่าภาคเอกชน เพื่อให้กฎหมายและมาตรการต่างๆ ไม่ตกยุค พร้อมดึงทุกภาคส่วนร่วมออกแบบนโยบาย
เขาย้ำว่า เศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตได้ ต้องอาศัย ความสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการคุ้มครอง รัฐต้องไม่เป็นเพียงผู้ควบคุม แต่ต้องเป็น ผู้ร่วมสร้างสรรค์ ระบบนิเวศใหม่ที่ประชาชนได้ใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และดิจิทัลไทยต้องไม่เดินตามใคร แต่ต้องสร้างระบบของตัวเองที่คนไทยภูมิใจ







