สำรวจ OriginOS 6 ยุคใหม่ของ vivo มีอะไรให้ใช้ รุ่นไหนอัปเดตได้บ้าง

vivo ส่ง OriginOS 6 สู่ตลาดโลก ยกเครื่องประสบการณ์ใหม่หมดจด ดีไซน์มินิมอล ลื่นไหลขั้นสุด พร้อมฟีเจอร์เด็ด Origin Island สัมผัสยุคใหม่ของความสมาร์ตได้แล้ว
KEY
POINTS
- vivo เตรียมนำ OriginOS 6 มาใช้กับสมาร์ตโฟนทั่วโลกตามคำเรียกร้องของลูกค้า โดยเป็นการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งหมดที่เน้นความทันสมัยและได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
- ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ชูจุดเด่นด้านความลื่นไหลภายใต้สโลแกน 'Smooth at Origin' พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานภายในใหม่ทั้งหมดและเพิ่มฟีเจอร์เด่นอย่าง Origin Island
- สมาร์ตโฟนที่จะได้รับการอัปเดตมีครบทุกซีรีส์ โดยจะเริ่มจาก X Series และ V Series ก่อน ซึ่งกลุ่มแรกๆ ที่จะได้อัปเดตคือ vivo X Fold5, X200 Pro, X200 และ X200 FE
สิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานถึง 5 ปี ในที่สุด vivo ก็ได้ประกาศนำ OriginOS ออกสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ โดยจะมาแทนที่ FuntouchOS ที่เราคุ้นเคยกันมานาน KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปสำรวจระบบปฏิบัติการนี้ว่าทำไมเหล่าสาวกถึงได้ตื่นเต้นกับการมาของระบบปฏิบัติการที่เคยเป็น "ของดีเมืองจีน" นี้กันนัก
การมาของ OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 ไม่ใช่แค่การปรับโฉมหน้าตา แต่เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ vivo ในตลาดโลก หลังจากที่เก็บเสียงตอบรับและคำเรียกร้องจากผู้ใช้งานมานาน การตัดสินใจครั้งนี้คือคำตอบของ vivo ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ระดับเรือธงให้กับผู้ใช้ทุกคน
ดีไซน์ใหม่ แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
OriginOS 6 ฉีกกรอบดีไซน์เดิมของ FuntouchOS อย่างสิ้นเชิง โดยมาพร้อมการออกแบบใหม่ที่เน้นความมินิมอลและทันสมัย ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของผิวน้ำ จะเห็นได้จากการเล่นกับแสงและเงา การไล่เฉดสีที่ดูมีมิติ และอนิเมชันการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลสบายตา ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด หรือสลับแอปพลิเคชันไปมา ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติที่สุด นอกจากนี้ยังมีการปรับดีไซน์ไอคอนใหม่ และเพิ่มฟอนต์ vivo Sans ที่ดูทันสมัยเข้ามาด้วย
ฟีเจอร์เด็ด และประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าจับตามองที่สุดคือ Origin Island ซึ่งคล้ายกับ Dynamic Island ของฝั่ง iOS เป็นพื้นที่แสดงสถานะและการแจ้งเตือนรอบกล้องหน้า แต่สิ่งที่ทำให้ Origin Island โดดเด่นคือความสามารถในการโต้ตอบที่เหนือกว่า ผู้ใช้ลากรูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ต่างๆ ไปวางบน Origin Island เพื่อแชร์ไปยังแอปพลิเคชันอื่นได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเปลี่ยนวิธีการแชร์ไฟล์แบบเดิมๆ ที่ต้องกดปุ่มดาวน์โหลดหรือแชร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าศูนย์ควบคุม (Control Center) ให้ใช้งานง่ายขึ้น และหน้าจอล็อกที่ปรับแต่งได้อย่างอิสระมากขึ้น ทั้งนาฬิกาและวอลเปเปอร์แบบ 3D Flip Card ที่จะเปลี่ยนมุมมองตามการเคลื่อนไหวของเครื่อง
ความลื่นไหลที่สัมผัสได้ ความปลอดภัยที่มากกว่าเดิม
หัวใจสำคัญของ OriginOS 6 คือสโลแกน 'Smooth at Origin' ที่สื่อถึงความลื่นไหลในการใช้งาน ซึ่งสื่อในประเทศจีนถึงกับยกให้เป็นระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและเปิดแอปพลิเคชันได้เร็วที่สุดในเวลานี้ vivo ได้ทำการปรับปรุงการประมวลผลภายในใหม่ทั้งหมด ด้วย Origin Smooth Engine ที่จะเข้ามาจัดการการทำงานของ CPU, GPU, RAM และ ROM ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การเปิดแอปเร็วขึ้นและเฟรมเรตเสถียรขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการพลังงานใหม่ ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น พร้อมเพิ่ม vivo Security และ Private Space เพื่อยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
รุ่นไหนได้ไปต่อ?
vivo ได้ประกาศแผนการอัปเดต OriginOS 6 สำหรับตลาดโลกออกมาแล้ว โดยจะเริ่มทยอยอัปเดตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป สมาร์ตโฟนที่จะได้รับการอัปเดตมีครอบคลุมทั้ง X Series, V Series และ Y Series โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับการอัปเดตในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ vivo X Fold5, X200 Pro, X200, X200 FE และ V60 รวมถึงสมาร์ตโฟนจากแบรนด์ลูกอย่าง iQOO 13 จากนั้นในเดือนเดียวกันจะเป็นคิวของ X Fold3 Pro, X100 Series และ iQOO 12 และจะทยอยอัปเดตในรุ่นอื่นๆ ต่อไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2569 สำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ อย่าง vivo X300 Series จะมาพร้อมกับ OriginOS 6 ตั้งแต่ออกจากโรงงานเลยทีเดียว
การมาถึงของ OriginOS 6 Global Version ในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ vivo เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าจะถูกใจผู้ใช้งานทั่วโลกที่รอคอยประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล ดีไซน์สวยงาม และฟีเจอร์ที่ชาญฉลาด ซึ่งทั้งหมดนี้คือคำตอบว่าทำไม OriginOS 6 ถึงเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญที่จะยกระดับสมาร์ตโฟน vivo ให้ก้าวไปอีกขั้น







