ผ่า 5 เทรนด์เทคฯ สำคัญภาครัฐปี 67 ‘AI - อัตลักษณ์ดิจิทัล 'แรง!
"การ์ทเนอร์" เปิด 5 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญของภาครัฐในปี 2567 คาดอีกสองปีข้างหน้า เทคโนโลยี Machine learning, Analytics และ Generative AI จะเติบโตก้าวกระโดด
KEY
POINTS
- AI บทบาทสำคัญขับเคลื่อนบริการสู่ประชาชนที่สะดวกรวดเร็วขึ้น
- คาดปี 2569 หน่วยงานภาครัฐมากกว่า 70% จะใช้ AI
- ความวุ่นวายทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดต่อเนื่องและการนำ AI มาใช้งานกำลังเพิ่มความกดดันให้ภาครัฐ
การ์ทเนอร์เผย 5 แนวโน้มเทคโนโลยีที่สำคัญต่อกิจการภาครัฐปี 2567 ชี้ AI บทบาทสำคัญขับเคลื่อนบริการสู่ประชาชนที่สะดวกรวดเร็วขึ้น คาดปี 2569 หน่วยงานภาครัฐมากกว่า 70% จะใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจการบริหารงานของมนุษย์ ชู "อัตลักษณ์ดิจิทัล" สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในภาครัฐที่กำลังขยายไปสู่ระบบนิเวศที่ใหญ่ขึ้น
“ท็อดด์ คิมเบรียล” รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ความวุ่นวายทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดต่อเนื่องและการนำ AI มาใช้งานกำลังเพิ่มความกดดันให้ภาครัฐฯ ในการตอบสนองความต้องการของภาคประชาชนที่ต้องการบริการที่มีความรวดเร็ว และสร้างสรรค์กว่าเดิม ผู้บริหาร CIO ของภาครัฐฯ ต้องหาวิธีการใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความต้องการดังกล่าวด้วยบริการที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย ยืดหยุ่น เน้นที่เทคโนโลยีที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้”
การ์ทเนอร์ แนะว่า ผู้บริหารซีไอโอ (CIO) ของรัฐบาลควรพิจารณาผลกระทบแนวโน้มเทคโนโลยีเหล่านี้ ที่จะดันองค์กรภาครัฐให้พร้อมสำหรับอนาคต
ความปลอดภัยที่ปรับได้
การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า ปี 2571 Multiagent AI หรือ AI ที่เข้าใจและทำงานกับข้อมูลหลายประเภทที่ใช้ตรวจจับและรับมือต่อเหตุการณ์ภัยคุกคาม จะถูกนำมาใช้เพิ่มจาก 5% เป็น 70% โดยไม่ได้นำมาแทนที่พนักงานที่เป็นมนุษย์ ซึ่ง AI กำลังสร้างการปรับเปลี่ยน และข้อกำหนดความปลอดภัยทางไซเบอร์ขึ้นใหม่ ด้วยการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ แก่ CIO ขององค์กรภาครัฐฯ และโมเดล Adaptive Security จะทำงานผสานพร้อมปรับเปลี่ยนเครื่องมือ เทคนิค รวมถึงกำหนดผู้มีทักษะความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้เหมาะสมกับภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง
“ผู้บริหาร CIO และผู้นำภาครัฐฯ ต้องเอาชนะการต่อต้านการนำ Adaptive Security มาใช้ที่ยืดเยื้อ โดยเชื่อมโยงคุณค่าเทคโนโลยีนี้ เข้ากับวัตถุประสงค์องค์กรในมิติที่กว้างขึ้น อาทิ นวัตกรรมดิจิทัล และการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน, ภารกิจด้านความมั่นคงของชาติ และการสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน” คิมเบรียลกล่าวเพิ่ม
อัตลักษณ์ดิจิทัล
Digital Identity หรือ อัตลักษณ์ดิจิทัลในภาครัฐกำลังขยายไปสู่ระบบนิเวศที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการตรวจสอบอัตลักษณ์ของผู้ใช้ การระบุตัวตนของพลเมืองหรือองค์กร และการตรวจสอบข้อมูลรับรอง หรือ Credential Verification เช่น วอลเล็ตแบบระบุอัตลักษณ์บุคคลบนสมาร์ทโฟน
การ์ทเนอร์คาดว่าในปี 2569 ผู้ใช้สมาร์ทโฟนอย่างน้อย 500 ล้านรายจะใช้สิทธิ์ยืนยันตัวตนเป็นประจำผ่านการใช้กระเป๋าเงินระบุตัวตนดิจิทัลที่สร้างขึ้นจาก Distributed Ledger Technology หรือ เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย
การ์ทเนอร์ เผยว่า ผู้บริหาร CIO ภาครัฐฯ สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กลยุทธ์การระบุอัตลักษณ์ดิจิทัลได้ โดยการสร้างยูสเคสและเพิ่มความร่วมมือที่แยกอิสระ จากภาคส่วนดั้งเดิมเพื่อเพิ่มมูลค่ายิ่งขึ้นให้กับประชาชน รัฐบาล และธุรกิจ ผู้บริหารสามารถกำหนดรูปแบบระบบนิเวศใหม่เหล่านี้ขึ้นได้ ด้วยการตอกย้ำบทบาทรัฐฯ ที่เป็นผู้เชื่อมโยง ผู้อำนวยความสะดวก และผู้กำกับดูแลอัตลักษณ์ดิจิทัลที่มีศักยภาพ
เอไอเพื่อการตัดสินใจอัจฉริยะ
การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 หน่วยงานภาครัฐมากกว่า 70% จะใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจด้านการบริหารงานของมนุษย์ และในอีกสองปีข้างหน้านี้ เทคโนโลยี Machine learning, Analytics และ Generative AI จะเติบโตก้าวกระโดด และทำงานผสานรวมกันเป็นชุดเครื่องมือสนับสนุนการให้บริการของภาครัฐที่ดียิ่งขึ้น
“เครื่องมือเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างรอบคอบ และสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้บริหาร CIO ของรัฐฯ จะต้องขับเคลื่อนนโยบายการนำ AI มาใช้และกำหนดขอบเขตการกำกับดูแล AI ทั่วทั้งองค์กร โดยจะต้องพัฒนากลยุทธ์ที่รวมเอานโยบายเหล่านี้และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ จากนั้นใช้แนวทาง Assurance Approach อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าหลังการนำ AI มาใช้แล้วนโยบายเหล่านี้จะได้รับการปรับปรุง” คิมเบรียล กล่าวเพิ่ม
ความคล่องตัวแพลตฟอร์มดิจิทัล
องค์กรภาครัฐกำลังนำโซลูชันบนแพลตฟอร์มมาใช้มากขึ้น เช่น เทคโนโลยีคลาวด์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม หรือ Industry Cloud และแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันแบบ Low-Code ที่ปรับใช้ความสามารถทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วพร้อมจัดการความเสี่ยงในการให้บริการที่เกิดจากระบบที่ล้าสมัย ยืดหยุ่นและปรับขนาดตามความต้องการสำหรับบริการของประชาชนได้ง่ายดาย โดยความสามารถ Cloud-Native ในโซลูชันแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังช่วยควบคุมต้นทุนและใช้เวลาในการดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
โซลูชันแพลตฟอร์มบนคลาวด์จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและกระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในองค์กรภาครัฐ การ์ทเนอร์แนะนำให้ผู้บริหาร CIO ภาครัฐฯ ใช้กลยุทธ์ “มัลติคลาวด์” เพื่อเพิ่มประโยชน์ที่ได้รับจากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างสูงสุด และลดความซับซ้อนในการปรับปรุงระบบให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
การจัดการข้อมูลเชิงโปรแกรม
ผู้นำรัฐบาลกำลังเรียกร้องให้มีการใช้ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจและการวางแผนมากขึ้น โดย Programmatic Data Management เป็นแนวทางที่เป็นระบบ และมีความสามารถปรับขนาด ช่วยให้ภาครัฐสามารถใช้สินทรัพย์ข้อมูลทั่วทั้งองค์กรได้ ที่กำลังได้รับการพัฒนาโดยแพลตฟอร์มอัตโนมัติต่าง ๆ และรวมความสามารถของ AI ไว้
การ์ทเนอร์เผยว่า ภายในปี 2569 องค์กรภาครัฐมากกว่า 60% จะให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนากระบวนการทางธุรกิจแบบอัตโนมัติ เพิ่มขึ้นจาก 35% ในปี 2565
“ข้อมูลยังคงเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจในรัฐบาลและการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายที่เพิ่มขึ้นตอกย้ำถึงความจำเป็นสำหรับผู้บริหาร CIO ขององค์กรรัฐฯ ในการเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพของข้อมูลวงกว้าง ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบและโครงสร้างต่าง ๆ ที่ควบคุมข้อมูลอยู่” คิมเบรียล กล่าวเพิ่มเติม