‘เอไอ’พลิกเกมธุรกิจปี 67 จับตา ‘จริยธรรม - ก.ม.ควบคุม’

‘เอไอ’พลิกเกมธุรกิจปี 67 จับตา ‘จริยธรรม - ก.ม.ควบคุม’

เทรนด์ใหญ่ 2024 ‘เอไอ-อีวี’ มาแรง ยักษ์เทคฯ โลกยก ‘เอไอ’ ตัวพลิกเกมธุรกิจ กำหนดอนาคตองค์กรคาดเม็ดเงินจากเอไอ สะพัดสูงถึง 16 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ‘ไอบีเอ็ม-เดลล์’ ประเมินคนที่ใช้เอไอจะแทนที่คนไม่ใช้ สะเทือนทุกตำแหน่งงาน จับตาจริยธรรม ความน่าเชื่อถือ และก.ม.

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ นับเป็นเทรนด์มาแรงถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางหลากหลายรูปแบบ เป็น Game Changer พลิกเกมทรานส์ฟอร์มสังคมโลก ธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวัน แม้ เอไอ จะเป็นโอกาสใหญ่ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายครั้งใหญ่ด้วยเช่นกันโดยเฉพาะ ‘จริยธรรม และความน่าเชื่อถือ’

นายสวัสดิ์ อัศดารณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวว่า PwC คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) จะสร้างมูลค่าได้ถึง 16 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 แต่ผลการศึกษาผู้บริหารทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยตลอดปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ มาพร้อมความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ ‘ความน่าเชื่อถือ’ คือเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และแนวทางที่ ซีอีโอธุรกิจ เลือกนำ Generative AI (Gen AI) มาใช้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตขององค์กร

 

‘เอไอ’พลิกเกมธุรกิจปี 67 จับตา ‘จริยธรรม - ก.ม.ควบคุม’

‘ไอบีเอ็ม’ มองธุรกิจปี 67 ‘AI’ ชี้ชะตา

ไอบีเอ็ม มองเทรนด์สำคัญขอเอไอในปีหน้า ประกอบด้วย 1. องค์กรจะเปลี่ยนจาก “Plus AI” เป็น “AI Plus” ต่อจากนี้ จะไม่ใช่การเตรียมข้อมูลแล้วนำเอไอมาใส่เพื่อวิเคราะห์หามุมมองเชิงลึกอีกต่อไป แต่จะเป็น AI Plus ที่กำหนดเอไอเป็นแกนหลักตั้งแต่ต้น ตั้งต้นยูสเคสหรือกระบวนการว่า จะนำ เอไอ เข้ามาใช้ตรงไหน แก้ปัญหาอะไร ทำอย่างไรให้ Gen AI ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ หรือสเกลได้ทั่วทั้งองค์กร

อย่างไรก็ดี แม้หลายฝ่ายจะมองว่าไม่มีอะไรหยุดยั้ง Gen AI ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีการชะลอตัว ปี 2567 ผลสำรวจชี้ชัดว่าผู้นำองค์กร 72% พร้อมสละประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้ Gen AI หากไม่มีความชัดเจนเรื่องจริยธรรมหรือความโปร่งใสของเทคโนโลยี เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียชื่อเสียงองค์กรและอาจนำสู่ค่าปรับต่างๆ

2. คนที่ใช้เอไอจะมาแทนคนที่ไม่ใช้ ปี 2567 Gen AI จะส่งผลกระทบต่อแทบทุกตำแหน่งและทุกระดับงานในองค์กร โดยภายในปี 2568 กว่า 3 ใน 4 ของคนทำงานระดับเริ่มต้นจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของบทบาทงานของตน

ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงมากกว่า 1 ใน 4 ก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน ยิ่งเมื่อ Gen AI เติบโต จำนวนของตำแหน่งและผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ภายใน 5 ปี ผู้นำหน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่คาดว่าจะต้องใช้จ่ายในงานด้าน เอไอ และระบบออโตเมชัน มากกว่าในการจ้างบุคลากร

ย้ำ เอไอ มาสนับสนุนไม่ใช่มาแทนที่

นายสวัสดิ์ มองว่า Gen AI จะเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมพนักงาน มากกว่าจะมาแทนที่ โดยพนักงานเกือบครึ่งจะต้องเรียนรู้ทักษะใหม่อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้า ต้องมองว่าการเรียนรู้ทักษะ Gen AI จะเป็นโอกาสสู่ความก้าวหน้า องค์กรต้องวิเคราะห์ว่าจุดใดที่เป็นปัญหาคอขวด และควรนำพนักงานดิจิทัลมาช่วย

โดยที่มนุษย์ยังคงอยู่ในวงจรการตัดสินใจ และการจะประสบความสำเร็จได้ พนักงานต้องเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมงานเอไอ คนใหม่ เปิดรับเครื่องมือและแอพพลิเคชันเอไอใหม่ๆ พร้อมทำงานในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์และ เอไอทำงานร่วมกัน

จริยธรรมเอไอ สำคัญเนื้อสิ่งอื่นใด

ข้อมูลของไอบีเอ็ม ยังชี้ด้วยว่า ผู้บริหาร 81% มองความสามารถในการคาดการณ์ของ Gen AI จะช่วยให้องค์กรตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะที่ 77% มองว่า Gen AI ช่วยระบุความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และสภาพภูมิอากาศได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถบรรเทาผลกระทบได้อย่างรวดเร็วในเชิงรุก สามารถจำลองสถานการณ์และขั้นตอนการปฏิบัติงานพร้อมวางแผนรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น บนพื้นฐานของข้อมูล

ขณะที่ สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล องค์กรต้องบูรณาการ AI governance เข้ากับโมเดลธุรกิจหลักตลอดทั้งไลฟ์ไซเคิล ระบบเอไอที่ใช้ต้องปราศจากอคติและเชื่อถือได้

โดยเห็นว่า เมื่อความเชื่อมั่นคือใบเบิกทางในการทำธุรกิจ และองค์กรต้องไม่ปล่อยให้เอไอทำลายความเชื่อมั่นนั้น จากรายงานล่าสุด ผู้บริหาร 58% เชื่อว่าความเสี่ยงด้านจริยธรรมขนานใหญ่จะเกิดขึ้นจากการนำ Gen AI มาใช้ แม้ Gen AI จะสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันให้องค์กร แต่ซีอีโอก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนกับการลงทุน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

‘เอไอ’พลิกเกมธุรกิจปี 67 จับตา ‘จริยธรรม - ก.ม.ควบคุม’

“เดลล์” ชี้ GenAI”จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติ

นายจอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลก เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดมุมมองว่า จงคิดถึงเอไอในเชิงรุกแต่อย่าปล่อยดำเนินการโดยอิสระ โดยไม่คำนึงถึงสถาปัตยกรรมอื่นๆ นี่คือวิธีที่จะช่วยให้มั่นใจว่าทั้งวิสัยทัศน์และการดำเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องเพื่อความสําเร็จในระยะยาว

เดลล์ มองว่า ปี 2567 เอไอจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนทฤษฎีสู่การปฏิบัติ เปลี่ยนจากโครงสร้างและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ไปสู่การวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบมากขึ้น

จุดมุ่งหมายขององค์กรจะเปลี่ยนจากการทดลองแบบกว้างๆ ไปสู่การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์แบบ top-down เพื่อเลือกแค่ไม่กี่โปรเจกต์ที่ GenAI สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง

ขณะที่ GenAI ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิรูปธุรกิจและเปลี่ยนโลกได้มากมาย แต่มีกิจกรรม GenAI ที่ขยายผลสู่การใช้งานจริงน้อยมาก

ก้าวสู่มิติใหม่‘GenAI’

ผู้บริหารเดลล์ มองว่า ปี 2567 จะเห็นคลื่นลูกแรกของโปรเจกต์ GenAI ในระดับเอนเตอร์ไพรส์ ที่มีความสมบูรณ์ ซึ่งจะเผยให้เห็นมิติสำคัญของ GenAI ที่ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เห็นถึงโอกาสเติบโตที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในการนำเอไอมาปรับใช้ เนื่องจากการเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานทั่วไป และความกระตือรือร้นในการทดลองใช้ อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำเรื่องการนำเอไอมาใช้ในองค์กร

ด้วยความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ทำให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นอยู่ในตําแหน่งที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพความพร้อมในการนําเอไอมาปรับใช้งานได้หลากหลายรูปแบบและสร้างผลกระทบสำคัญได้

“การนำ AI มาใช้ อาจต้องพิจารณาถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อคติและความละเอียดอ่อนด้านวัฒนธรรม”

ในโลกแห่งเทคโนโลยี ปี 2566 อาจอยู่ในความทรงจำเนื่องจากเป็นปีที่เจเนอเรทีฟเอไอสร้างกระแสอย่างต่อเนื่องมาถึงปี 2567 ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าเตรียมสร้างสถิติใหม่

เทรนด์เอไอล้ำหน้า 2567

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ระบบ Generative AI สร้างคอนเทนท์หลากหลายชนิดตั้งแต่โค้ดคอมพิวเตอร์ไปจนถึงงานศิลปะและความเรียง แม้ไม่สมบูรณ์แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับบางอาชีพและธุรกิจ

กระแสเริ่มมาจากการเปิดตัวของแชตจีพีที ที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์เมื่อปลายปี 2565 และคู่แข่งที่ตามมาเรื่อยๆ

เดือน ธ.ค.เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออัลฟาเบท เจ้าของกูเกิล เปิดตัวเจมิไน เอไอในผลิตภัณฑ์ของกูเกิล อาทิ แชตบ็อตและเสิร์ชเอนจิน

อัลฟาเบทอ้างว่า เจมิไนเหนือกว่า แชตจีพีที เวอร์ชันปัจจุบัน แต่โอเพนเอไอ ผู้สร้างแชตจีพีทีกล่าวว่า บริษัทไม่ได้หยุดนิ่ง รับปากว่าปี 2567 จะมีเวอร์ชันทรงพลังกว่าเดิม

ในการประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์เมื่อเดือน ก.ย. แซม อัลต์แมน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารโอเพนเอไอ ระบุ

“สิ่งที่เราเปิดตัวไปแล้วจะกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เรากำลังวุ่นสร้างสรรค์เพื่อคุณในวันนี้”

ในเวลาเดียวกันนักลงทุนต่างอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมเอไอ ด้วยหวังสนับสนุนผู้เล่นสำคัญรายต่อไป

ตามข้อมูลการตลาดของบริษัทพิตช์บุค แค่สิ้นเดือน ก.ย.ปีนี้ บริษัทร่วมทุนทั่วโลกทุ่มเงินให้กับสตาร์ทอัพเจเนอเรทีฟเอไอแล้ว 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับทั้งปี 2565 มีการลงทุนเพียง 5.1 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น

แต่มีคนเตือนว่า เราไม่ควรตื่นเต้นมากจนเกินไปนัก เบน วูด หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทซีซีเอส อินไซต์ กล่าวว่า เจเนอเรทีฟเอไอ อาจไม่ได้รับการตอบรับอย่างดีในปี 2567 อุปสรรคบางประการจะเป็นตัวฉุดรั้งในระยะใกล้ ได้แก่ การพัฒนาและดำเนินการระบบเจเนอเรทีฟเอไอที่ใช้ต้นทุนสุงมาก จำเป็นต้องใช้พลังคอมพิวเตอร์มหาศาลและชิปคอมพิวเตอร์ราคาแพงที่กำลังขาดแคลน

เพื่อลดต้นทุนเหล่านั้นวูดคาดการณ์ว่า เอไอบางตัวจะเปลี่ยนเป็นระบบไฮบริด ที่กระบวนการประมวลผลบางตัวทำได้ในตัวเองบนแล็ปท็อปหรือโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้กฎระเบียบและข้อกฎหมายอาจจำกัดกระแสคลั่งไคล้เจเนอเรทีฟเอไอในปัจจุบัน

“บริษัททั้งหลายอาจพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่ทุ่มเงินลงทุนไปมหาศาลกับบริการเอไอทรงพลัง แต่ต้องดึงเงินกลับบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ”

อีวีเจอศึกหนัก

ชมิดท์ออโตโมทีฟรีเสิร์ช คาดว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 รถไฟฟ้าเต็มตัวคันที่ 1 ล้านจะวิ่งบนถนนของสหราชอาณาจักร กลายเป็นตลาดที่ 2 รองจากเยอรมนีที่ทะลุหมุดหมายสำคัญนี้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็คาดว่า ปีหน้าจะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความยากลำบากของผู้ผลิตรถอีวี

ช่วงปลายปี 2566 ฟอร์ด, จีเอ็ม และเทสลา ต่างระงับแผนขยายการผลิตรถอีวี เมื่อเดือน ต.ค. เมอร์เซเดสเบนซ์กล่าวว่า ตลาดรถอีวี “โหดร้าย” พร้อมกล่าวโทษสงครามราคาและปัญหาซัพพลายเชนซึ่งนักวิเคราะห์ไม่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในปี 2567

แมทเธียส ชมิดต์ นักวิเคราะห์ตลาดรถยนต์คาดว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่ยอดขายอีวีชะงักงันทั่วยุโรป ตลาดที่เคยแข็งแกร่งอย่างเยอรมนีและนอร์เวย์แทบไม่เติบโตเลย แต่ยูเคอาจเป็นตลาดสดใสแห่งหนึ่งเนื่องจากการบังคับใช้ยานยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (แซดอีวี) ตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นต้นไปยานยนต์ที่วางขายหนึ่งในห้าต้องเป็นอีวี โดยตั้งเป้าทะลุ 80% ภายในปี 2573

ทั้งหมดนี้อาจเป็นข่าวใหญ่สำหรับใครก็ตามที่มีเงินซื้อรถอีวี

“เมื่อผู้ผลิตต้องเร่งทำตามเป้าแซดอีวี ตลาดจะเป็นของผู้ซื้อ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า” ชมิดต์กล่าว

‘เอไอ’พลิกเกมธุรกิจปี 67 จับตา ‘จริยธรรม - ก.ม.ควบคุม’

ภาพ : https://www.theverge.com/

หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์

หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์อาจเริ่มมีประโยชน์มากขึ้นในปี 2567 ทีมวิศวกรของเทสลากำลังทำออปติมัส หุ่นยนต์ที่คาดว่าจะนำมาทำงานพื้นฐานในโรงงานได้เร็วๆ นี้

คลิปวีดิโอเผยแพร่เมื่อไม่กี่วันก่อนแสดงภาพออปติมัสเวอร์ชันล่าสุด น้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้า มีแขนออกแบบใหม่เดินเครื่องด้วยมอเตอร์รุ่นใหม่ อีลอน มัสก์ เคยว่าไว้ในเดือน ก.ค.ว่า ออปติมัสจะสามารถทำงานในโรงงานได้ในปี 2567

ทั้งนี้ เทสลากำลังแข่งขันอย่างหนักในด้านหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ ขณะที่บริษัทอื่นมีหุ่นยนต์เรียนรู้งานในสถานประกอบการไปเรียบร้อยแล้ว

ด้านอเมซอนกำลังทดลองใช้หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในคลังสินค้า หุ่นยนต์ที่เรียกว่า “ดิจิต” นี้สามารถเคลื่อนไหว คว้าและหยิบสิ่งของได้แบบเดียวกับมนุษย์ พัฒนาโดยAgility Robotics ที่หวังส่งมอบหุ่นยนต์ดิจิตให้ลูกค้ารายอื่นๆ ในปีหน้า

ขณะเดียวกันในแคนาดา บริษัทแซงชัวรีเอไอก็กำลังฝึกฝนหุ่นยนต์ของตนที่เรียกว่า ฟีนิกซ์ ให้ทำงานเฉพาะ เช่น บรรจุสินค้าลงถุง ในปี 2567 บริษัทมีแผนเพิ่มภารกิจให้ฟินิกซ์