‘หัวเว่ย’ ดันนวัตกรรม ‘คลาวด์’ หนุนไทยสู่ ‘ฮับเอไอ’ แห่งอาเซียน
“หัวเว่ย” ดันเทคโนโลยีคลาวด์ ปฏิรูปธุรกิจยุคแห่งเอไอ ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ เอกชน วางรากฐานอีโคซิสเต็ม ผลักดันให้องค์กรรัฐ-ธุรกิจ เกิดการใช้งานจริง พร้อมยกระดับบุคลากร ปูทางขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเอไอแห่งภูมิภาคอาเซียน
เทคโนโลยี “เอไอ” มีอิทธิพลอย่างมากต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออนาคตของประเทศไทยในหลากหลายมิติ...
เดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงจุดยืนของหัวเว่ยในงานประชุม “Huawei Cloud AI Summit Thailand 2023” ว่า หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นต่อพันธกิจ “ในประเทศไทย เพื่อประเทศไทย (In Thailand, for Thailand)” นำนวัตกรรมเทคโนโลยีไปช่วยพัฒนายกระดับและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
โดยมีแผนที่จะขับเคลื่อนการใช้งานเทคโนโลยี “คลาวด์และเอไอ” ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านเอไอของภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้ เข้าไปสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชิงดิจิทัล ในช่วงเวลาสำคัญที่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน”
เช่นเดียวกับที่ทำมาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา หัวเว่ยยังคงเดินหน้าลงทุนสร้างเทคโนโลยีอีโคซิสเต็ม เตรียมความพร้อมสำหรับระบบคลาวด์ พัฒนาพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานเอไอสำหรับรัฐบาลและองค์กรธุรกิจ
“หัวเว่ย คลาวด์ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลของไทยผ่านเทคโนโลยีเอไอซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้งานเอไอ อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมสร้างประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนไทยและส่งเสริมความก้าวหน้าทางดิจิทัลของประเทศ”
โดยใช้ประสบการณ์การทำงานในระดับโลกกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค นำข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมระดับโลกและภูมิภาค มาช่วยในการส่งเสริมการปรับใช้เทคโนโลยีและโซลูชันที่ทันสมัย พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับองค์กรไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลกและองค์กรจีนที่ต้องการเข้าสู่ตลาดไทย
หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งเป็นพื้นฐานคลาวด์สำหรับโลกอัจฉริยะและมอบทางเลือกที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าแต่ละราย นำเสนอโซลูชันและโมเดลเอไอที่ล้ำสมัย ซึ่งรวมถึงโมเดลสำหรับภาษาไทย การพยากรณ์สภาพอากาศ ที่สอดคล้องกับงานบริการของรัฐบาล รวมถึงโซลูชันเอไอสำหรับภาคการเงินและภาคค้าปลีก
สำหรับการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริษัทในท้องถิ่น โมเดลภาษาไทยของหัวเว่ยผ่านการฝึกฝนด้วยคลังข้อมูลของเอไอในภาษาไทย ผสานความรู้ ความเข้าใจในอุตสาหกรรมของหัวเว่ยที่สะสมมากว่าสามทศวรรษและได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยการเรียนรู้ข้อมูลภาษาไทยจำนวนมาก
เชื่อว่า การพัฒนานี้จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยกำจัดอุปสรรคในการเข้าถึงโมเดลพื้นฐาน ทำให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนจากผู้ใช้เอไอเป็นผู้สร้างเอไอได้
ที่ผ่านมา มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจ โดยหัวเว่ย คลาวด์ ได้ร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย พัฒนาโมเดลพยากรณ์อากาศ “ผานกู่ (Pangu)” สำหรับประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและการท่องเที่ยวของไทยในเชิงลึกยิ่งขึ้น
โมเดลนี้เหนือกว่าการพยากรณ์อากาศเชิงตัวเลข (numerical weather prediction - NWP) ที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด โดยความเร็วในการพยากรณ์มีหลายระดับและรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมการพยากรณ์เส้นทางของพายุไต้ฝุ่นในช่วง 10 วันข้างหน้าใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง แต่ผานกู่ สามารถทำได้ภายในเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น
สำหรับภาครัฐ หัวเว่ยนำเสนอความอัจฉริยะในกระบวนการทำงานของรัฐบาลและภาคการปกครองเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การรับรู้ การทำความเข้าใจ ไปจนถึงการจัดการและการตัดสินใจ ขณะที่คำร้องขอของประชาชนจะได้รับการมอบหมายโดยอัตโนมัติและจัดการได้ตลอดเวลา ทำให้รัฐบาลให้บริการที่มีคุณภาพสูงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องขาดแคลนบุคลากร
เดวิดเปิดมุมมองว่า ความสามารถของบุคลากรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดหาผู้เชี่ยวชาญ
หัวเว่ย คลาวด์ กระทรวงดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) มหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมเอไอ องค์กรธุรกิจและพาร์ทเนอร์ได้ร่วมกันเปิดตัว “Cloud & AI Community Thailand” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ ด้วยเป้าหมายสูงสุดเพื่อสร้างบทบาทของประเทศไทยสู่เอไอระดับโลก
หัวเว่ยยืนยันว่า พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในอีโคซิสเต็มและอุตสาหกรรม มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีคุณภาพสูงของประเทศไทย
ด้วยโซลูชันเอไอที่แข็งแกร่ง เปี่ยมด้วยนวัตกรรม ความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่กว้างขวาง รวมถึงการบริการลูกค้ามาตรฐานระดับโลก หัวเว่ย คลาวด์ พร้อมสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางเอไอที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน สอดรับกับวิสัยทัศน์ของ หัวเว่ย “Lead Everyone Forward, Leave No One Behind”
