‘นูทานิคซ์’ เปิดเคล็ดลับ สร้างความสำเร็จ ‘ยุคแห่งข้อมูล’

‘นูทานิคซ์’ เปิดเคล็ดลับ  สร้างความสำเร็จ ‘ยุคแห่งข้อมูล’

ไม่ว่าเศรษฐกิจมหภาคจะมีอิทธิพลต่อความเป็นไปในโลกนี้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คือ “ปริมาณข้อมูล” ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าวว่า ข้อมูลและวิธีการบริหารจัดการข้อมูลจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว

ขณะเดียวกัน ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีขึ้น องค์กรจะไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ทันเวลาที่ต้องการได้เลย หากไม่มีการใช้หลักการพื้นฐานด้านการบริหารจัดการข้อมูลที่ถูกต้อง

ไอดีซีคาดการณ์ว่าจะมีการสร้าง, การเข้าถึง, การทำสำเนา และการใช้ข้อมูลเป็นปริมาณมากถึง 143 เซตตะไบต์ (zettabytes) ในปี 2567 แสดงให้เห็นว่ากำลังมีการสร้างข้อมูลในอัตราความเร็วสูงมาก และในปริมาณมหาศาล

โดยองค์กรต่างๆ กำลังนำแนวทางการทำงานที่ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และทีมปฏิบัติงานทำงานร่วมกัน (DevOps) มาใช้ นำซอฟต์แวรที่ใช้กับระบบคลาวด์มาใช้ให้เป็นประโยขน์ รวมถึงใช้เอไอ และระบบวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ มากขึ้น

’ข้อมูล’ ตัวจักรขับเคลื่อน

เขากล่าวว่า เทคโนโลยีที่กล่าวมานี้กำลังเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินงานด้านต่างๆ และมอบประสบการณ์เฉพาะตัวที่ตรงความต้องการของพนักงานและลูกค้าแต่ละคน แต่เมื่อปริมาณข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ยังเป็นปัจจัยผลักดันให้องค์กรต่างๆ พิจารณาเรื่องพื้นฐานในการบริหารจัดการข้อมูลของตนเสียใหม่

รวมถึงวิธีการที่องค์กรเหล่านี้จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบริหารจัดการข้อมูลเหล่านั้นเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดมูลค่าต่อองค์กร

ไอดีซีพบด้วยว่ากลุ่มผู้บริหารระดับ c-suite มุ่งมั่นลงทุนโครงการด้านข้อมูลอย่างมาก โดย 70% ของซีอีโอ มีความต้องการอย่างชัดเจนที่จะทำให้องค์กรของตนใช้ข้อมูลขับเคลื่อนการดำเนินงานมากขึ้น

“การเชื่อมโยงการทำงานจากทุกจุดในองค์กรเข้าด้วยกัน เป็นสิ่งจำเป็นต่อเป้าหมายในการใช้ข้อมูลขับเคลื่อนองค์กร ผู้นำทางเทคโนโลยีล้วนมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนงานต่างๆ ขององค์กรที่อยู่กระจัดกระจาย เพื่อดึงคุณประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นออกมา โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจำนวนมาก”

ท้าทาย ‘ไซเบอร์ ซิเคียวริตี้’

ปัจจุบัน ข้อมูลที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ เช่น อยู่ที่สถานประกอบการหลักขององค์กร อยู่ที่เอดจ์ คลาวด์ และไซต์สำรอง ส่งผลต่อระยะเวลาในการตอบสนองของระบบ ทั้งยังเพิ่มช่องโหว่และความซับซ้อนต่างๆ

ทุกวันนี้องค์กรจำนวนมากต้องเผชิญกับความท้าทายด้านปริมาณของข้อมูล ความหลากหลายและคุณภาพของข้อมูล ระยะเวลาในการตอบสนองของระบบ กฎระเบียบของข้อมูล การบริหารจัดการการเพิ่มขึ้นของข้อมูล และค่าใช้จ่ายในการเรียกใช้ข้อมูล(egress costs) รวมถึงฐานข้อมูลเก่าที่เก็บมานาน ผนวกกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ต้องป้องกันการโจมตีจากแรนซัมแวร์ต่างๆ

ดังนั้น แพลตฟอร์มไอทีแบบเก่าไม่สามารถใช้บริหารจัดการความท้าทายเหล่านี้ได้ องค์กรจำเป็นต้องใช้ชั้นข้อมูล (data layer) ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสามารถเข้าใจและรู้เท่าทันภัยคุกคามและความท้าทายต่างๆ ได้ โดยชั้นข้อมูลนั้นจะต้องมีเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและมีความยืดหยุ่น ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานตั้งแต่ระดับพื้นฐาน

ทั้งนี้การนำหลักการพื้นฐานด้านการบริหารจัดการข้อมูลมาใช้กับสภาพแวดล้อมไฮบริด มัลติคลาวด์ เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เกิดนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และนำไปใช้ได้ทุกส่วนขององค์กร

'มัลติคลาวด์’ คือทางออก

ไอดีซีระบุว่า ไฮบริด มัลติคลาวด์ ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการใช้คลาวด์ทั้งสองระบบ องค์กรต่างๆ ทราบดีว่าหากต้องการสร้างองค์กรที่ชาญฉลาดและรองรับอนาคตในวันนี้ พวกเขาจะต้องใช้คลาวด์หลายระบบพร้อมกัน เพื่อรองรับฟังก์ชั่นการทำงานที่เฉพาะเจาะจง

สำหรับการรวมข้อมูลและดึงข้อมูลเชิงลึกจากทุกจุดขององค์กรมาไว้ภายในเลเยอร์พื้นฐาน ผลักดันให้องค์กรต่างๆ ต้องทบทวนและคิดหาวิธีที่จะใช้บริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างขององค์กร 

หลายปีที่ผ่านมาองค์กรต่างๆ ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการจัดเตรียมฐานข้อมูล และการบริหารจัดการฐานข้อมูลก็ติดขัดอยู่กับการรอเวลาเพื่อเตรียมสตอเรจที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการดิสก์จำนวนมาก เพื่อเก็บข้อมูลที่มีประเภทต่างกัน รวมถึงความยุ่งยากในการโคลนและกระบวนการรีเฟรชข้อมูล