‘ลาซาด้า’ โหมแคมเปญ 11.11 ชิงดำอีคอมเมิร์ซโค้งสุดท้าย
ไตรมาสสุดท้ายของทุกปี อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซประเทศไทยมักมีความคึกคักเป็นอย่างมาก ล่าสุด “ลาซาด้า” เตรียมโหมหนักมหกรรม 11.11 ส่วนลดสูงสุด 90% พร้อมดีลพิเศษจำนวนมาก โดยมั่นใจว่าจะสามารถทำลายสถิติเดิม ยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 60%
ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ลาซาด้าตั้งเป้าว่ายอดขาย แคมเปญ 11.11 ปี 2564 นี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเติบโต 130% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ พร้อมหวังด้วยว่าจะสามารถทำลายสถิติของปีที่ผ่านมาได้อีกครั้ง
มหกรรม “Lazada 11.11 Our Biggest One-Day Sale ถูกที่สุดในรอบปี วันนี้วันเดียว” ในปีนี้มาพร้อมข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดสูงสุด 90% สำหรับสินค้าทุกประเภทบนแพลตฟอร์ม คูปองส่วนลดพิเศษจากลาซาด้าและผู้ขายสูงสุด 1,111 บาท, โปรแกรมลาซาด้าโบนัส ให้สะสมและรับส่วนลด พร้อมด้วย คูปองส่งฟรีทั่วไทย ดีลลดราคาจากลาซมอลลล์สูงสุด 90% และ เงินคืนกว่า 10% เมื่อซื้อสินค้า
ครั้งนี้ยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ซื้อและผู้ขายร่วมมือ ทรูมันนี่ และดีแทค (dtac) เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถใช้บริการบนแพลตฟอร์มลาซาด้าได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น
‘ไอที-อิเล็กฯ’ สินค้ายอดฮิต
สำหรับสินค้าที่จะได้รับความนิยมสูงสุด คาดว่าจะเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ราคาแพงซึ่งนำมาลดราคาพิเศษ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงสินค้าแฟชั่นรับการเปิดเมือง
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จแคมเปญ 11.11 เมื่อปี 2563 เพียง 3 นาทีแรกทำยอดขายได้ 111 ล้านบาท ภายสองชั่วโมงทำยอดขายได้ 1 พันล้านบาท และหนึ่งวันแรกมียอดคำสั่งซื้อกว่า 6 ล้านออเดอร์
“สถานการณ์ล็อกดาวน์ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หันมาใช้บริการบนดิจิทัลมากขึ้น ลาซาด้าพบว่า คำสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 2 เท่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 1.6 เท่า ขณะที่ผู้ซื้อเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า โดยภาพรวมปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสามารถเติบโตได้เกิน 100% ซึ่งจากช่วงที่ผ่านมาสามารถทำได้ตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว”
ไตรมาสที่ 4 ลาซาด้ามีแผนจัด 2 เมกะแคมเปญ คือ 11.11 และ 12.12 พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ต่อเนื่อง โดยโค้งสุดท้ายของปีนับเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะได้เห็นยอดขายเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
จากการสำรวจพบว่า แม้คลายล็อกดาวน์ไปแล้วแต่ผู้บริโภค 83% บอกว่าจะยังคงซื้อออนไลน์ต่อไป ปีหน้าคาดว่าตลาดจะยิ่งเติบโต การแข่งขันรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง
ผลสำรวจโดยธนาคารเกียรตินาคินภัทรคาดการณ์ไว้ว่า ปีนี้ตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยจะมีมูลค่าราว 3 แสนล้านบาท คิดเป็น 8% ของภาพรวมค้าปลีก และตลอด 5 ปีจากนี้จะเติบโตได้ 20% โดยภายในปี 2568 มูลค่าจะพุ่งขึ้นไปสูงถึง 7.5 แสนล้านบาท
‘อีคอมเมิร์ซ’ โตไม่หยุด
ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคมอีคอมเมิร์ซไทย กล่าวว่า ช่วงก่อนโควิดอุตสาหกรรมค้าปลีกแบบออฟไลน์เติบโต 5% ค้าปลีกออนไลน์เติบโต 54% ทว่าพอเกิดวิกฤติโควิดค้าปลีกออฟไลน์กลับติดลบ 5% ขณะที่ค้าปลีกออนไลน์เติบโตมากถึง 81%
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนเปลี่ยนมาจับจ่ายบนออนไลน์ประกอบด้วย 1.ข้อบังคับช่วงโควิด 2.ดีลและโปรโมชั่น 3.ช้อปได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน 4.ประหยัดเวลา และ 5.เปรียบเทียบราคาง่าย
ด้าน 6 ช่องทางยอดนิยมคือ อีคอมเมิร์ซมาร์เก็ตเพลส 32%, ช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือ โซเชียลคอมเมิร์ซ 21% , บริการจัดส่งอาหาร/แอพพลิเคชั่น 13%, เว็บไซต์ของแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่ 12% เว็บไซต์ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ 12% และร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กของธุรกิจเอสเอ็มอีที่เปิดร้านค้าของตนเอง 12%
ส่วน 10 อันดับแอพพลิเคชั่นที่คนไทยนิยมใช้งานมากที่สุดช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้คือ ยูทูป เฟซบุ๊ค ไลน์ กูเกิล แมสเซ็นเจอร์ ลาซาด้า ช้อปปี้ อินสตาแกรม เป๋าตัง และแอพฟังเพลง ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าแอพประเภทโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมและมีอิทธิพลสูงที่สุด รองลงมาคืออีมาร์เก็ตเพลส
ปี 2563 ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซไทย(บีทูซีและซีทูซี) มีมูลค่า 294,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้ามากถึง 81% ส่วนปี 2564 มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 356,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ราว 21%