โสกผีดิบ...ผีดีไม่มีดิบ

ฟังชื่อทีแรก หลายคนถึงกับร้อง “เฮ้ย...” เพราะชื่อสถานที่นี้มันชวนให้สะดุดหู สะดุดตาและจินตนาการไปไกลจนกลายเป็นดินแดนลึกลับ ดินแดนที่น่าสะพรึง ดินแดนที่ฟังแล้วไม่น่าไปเยือน

แต่ผมไม่ปล่อยให้ความกังขามาให้รกใจรกสมองของท่านผู้อ่าน ทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยการไปยัง โสกผีดิบ เพื่อเอาความจริงมาบอก

ตามข้อมูลที่ได้มาว่าเมื่อผมไปจากกรุงเทพ แล้วเมื่อถึงสี่แยก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ให้เลี้ยวขวาทางที่ไปหนองสองห้องเข้าไปราว 7- 8 กิโลเมตร จะเข้าเขตตำบลโสกนกเต็น เลยไปไม่นาน จะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านหนองบัว หรือท่านผู้อ่านตั้งกูเกิลแมพพาไป "โสกผีดิบ" หรือ "บ้านหนองบัว" ก็ได้ เพราะพอเข้าไปในหมู่บ้าน จะมีป้ายบอกเข้าไปยังพื้นที่ที่ว่านี่เอง

ที่ที่ว่านี้ เป็นเหมือนท้ายหมู่บ้าน เป็นที่โล่ง แต่มีการตกแต่งเอาป้ายเอาอะไรมาติดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรณี ลักษณะที่เห็นบริเวณที่เรียกว่าโสกผีดิบนี้ ผมคะเนโดยสายตาน่าจะกว้างอยู่ในราว 10 ไร่ เล็กกว่าก็ไม่เท่าไร เป็นคล้ายกับป่าละเมาะทั่วไป เพียงแต่มันเป็นพื้นที่ที่เหมือนยุบลงไป คล้ายที่แพะเมืองผีหรือละลุ คือดินมีการถูกน้ำกัดเซาะจนผุพังยับลงไป พื้นที่ที่เป็นโสกผีดิบจึงอยู่ต่ำกว่าพื้นดินทั่วไปราว 2 เมตร และเหลือเป็นกำแพงหิน ที่น้ำเซาะลงมาไม่ได้

คือเดิมเข้าใจว่าทั้งดินและหินพวกนี้คงอยู่ด้วยกัน โดยมีดินทับถม แต่พอถูกน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ส่วนที่เป็นดินก็ถูกน้ำชะล้างไหลไป แต่ส่วนที่เป็นหินพอดินถูกน้ำชะล้างไป จึงถึงตัวบรรดาหินพวกนี้จึงโผล่ออกมา ถ้าให้นึกภาพง่ายๆ ก็คล้ายกับที่ละลุนั่นแหละ เพียงแต่ละลุหรือแพะเมืองผี จะเป็นเสาดินปนกรวด ยืนแท่งโด่เด่ แต่นี่เป็นหิน ที่ยังไม่เป็นแบบแท่ง เป็นแต่กำแพงและเป็นพื้นเท่านั้น ท่านผู้อ่านดูภาพประกอบจะเข้าใจ

หินพวกนี้จะมีลักษณะส่วนปลายหรือภายนอกกลมมน ส่วนที่อยู่กับพื้นก็กลมมน บางก้อน มีลายเป็นชั้นๆ ดูแปลกตาและสวยงามดี บางมุม บางส่วนที่เป็นเหมือนกำแพงที่ปูดโปนออกมานั้นจึงดูแปลกตามาก เวลาที่เราเดินไปตามพื้นดิน ดินจะยุบลงเล็กๆ ได้ยินเสียงกรุบๆตามน้ำหนักเราที่ก้าวย่างเดิน ใกล้ๆ กันมีศาล มีดอกไม้ พวงมาลัย เหมือนกับมีคนมากราบไหว้ตลอด

160047624362

160047624369

160047624552

มีป้ายเล็กๆ เขียนเล่าที่มาติดไว้ บอกว่าในช่วงราวปี พ.ศ.2480 ได้เกิดโรคห่าระบาดในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ผู้คนทยอยเจ็บป่วยล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จนชาวบ้านทำพิธีทางศาสนา เผาศพกันไม่ทัน ก็เลยนำเอาร่างคนตายมาทิ้งไว้บริเวณนี้ ส่วนคำว่า "โสก" นั้น ในพจนานุกรมภาษาอีสานโดย ดร.ปรีชา พิณทองบอกว่า โสก แปลว่าโตรก ที่ซึ่งมีร่องเป็นน้ำไหลหรือที่มีช่องทางเดินไปมาได้ ซึ่งพอมาดูสถานที่ก็คงจะจริง เพราะยังคงมีร่องรอยของน้ำที่ไหลพาเอาดินไหลออกมาในพื้นที่ให้เห็นอยู่ นี่จึงอาจจะเป็นชื่อของสถานที่ก็ได้ โสกของผีดิบ คือผีหรือคนตายที่ยังไม่ได้เผา ไม่ได้ทำพิธี แต่ก็อย่างที่บอกละครับว่านี่คือเรื่องเล่า ไปก็ไม่เห็นมีโครงกระดูกอะไรหลงเหลือแม้แต่น้อย

แต่ในทางธรณีล่ะ มันต้องมีคำอธิบายสิ ผมก็ไปถาม ดร.ประดิษฐ์ นูเล นักธรณีชำนาญการพิเศษแห่งสำนักงานธรณี เขต 2 ขอนแก่น ซึ่งสำนักงานนี้เขาดูธรณีภาคอีสานทั้งภาค

ดร.ประดิษฐ์ให้ข้อมูลทางธรณีว่า บริเวณนี้นั้นประกอบด้วยหินตะกอน ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าหินตะกอนหรือหินชั้นนั้นเป็นหินที่มาสะสมตัวกันเองบนพื้นผิวโลก ทับถมกันเป็นชั้นๆ ไม่เหมือนอย่างพวกหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่ปะทุขึ้นมาจากใต้โลกออกมาในรูปของลาวา ส่วนที่นี่เป็นหินตะกอนก็เป็นตะกอนของหินทรายเนื้อละเอียด หินทรายแป้งและหินโคลนสีแดงปนน้ำตาล อยู่ในกลุ่มหินโคราช หมวดหินภูทอก อายุประมาณ 75 ล้านปี ก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับถ้ำนาคา ภูลังกา ภูทอก ที่บึงกาฬนั่นแหละ แบบเดียวกัน

160047624457

160047624497

160047624591

หินพวกนี้เกิดการสะสมตัวในทะเลทราย ทับถมกันนาน ผ่านกระบวนการทางธรณีเขาจนมันเป็นหิน มีการวางตัวเอียงเทเล็กน้อยไปทางทิศเหนือ แสดงลักษณะโครงสร้างทางตะกอนวิทยาแบบชั้นเฉียงระดับ เป็นป่าหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทีนี้หินพวกนี้ก็มีการผุพังย่อยสลายเป็นดินส่วนหนึ่งคือส่วนที่ผุพังก็เป็นดิน ส่วนที่ยังไม่ผุก็ยังคงเป็นหิน ก็อยู่ด้วยกัน ทีนี้ก็มีธารน้ำมาไหลผ่าน เกิดการกัดเซาะ น้ำก็พัดพาเอาส่วนที่เป็นดินหลุดหายไปเรื่อยๆ ทำให้ส่วนที่เป็นหินปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งกระบวนการกัดเซาะนี่อาจจะเริ่มขึ้นมาไม่นานอาจในระดับพันปีล่วงมา ส่วนที่เราเห็นว่าหินในบางจุดมีสีที่แตกต่างกันสอดซ้อนสลับอยู่นั่นก็เป็นเพราะช่วงที่เกิดสะสมตัวทับซ้อนกัน อาจจะมีแร่ธาตุบางชนิดเข้ามาทับถมในห้วงเวลานั้นพอดี

มาถึงที่แล้วผมยังคงไม่สะใจ พอ ดร.ประดิษฐ์บอกว่า ในตำบลเดียวกันนี้ ใกล้ๆ กันกับโสกผีดิบยังมี โสกนกเต็น อีกที่หนึ่ง ผมก็ดั้นด้นควานหาไปถึงที่จนได้ซึ่งโสกนกเต็นนี้ มีพื้นที่กว้างกว่าโสกผีดิบผมว่าน่าจะเกิน 30 ไร่ ปรากฏเป็นลานหินทรายกว้างที่มีร่องรอยธารน้ำไหลเกาะเซาะเป็นร่องกระจายกันโดยทั่ว เพียงแต่ร่องพวกนี้มันเตี้ยๆ ไม่ได้มีรูปทรงที่สะดุดตาเหมือนที่โสกผีดิบ ลักษณะการเกิด เนื้อหินอะไรเหมือนกันกับโสกผีดิบไม่ผิดเพี้ยน

ทั้งนี้ก็แค่อยากที่จะมาบอกกล่าวท่านผู้อ่านว่าถ้ามีเวลาและผ่านไปทาง อ.พล จ.ขอนแก่น ก็อยากให้ลองแวะเข้าไปเยี่ยมชม ไปดูความมหัศจรรย์บนผืนแผ่นดินอีสานบ้านเรากันซะหน่อย ไปเห็นแล้วก็จะได้คุ้นกับผีดิบ ว่าผีดิบสวยๆ ก็มีที่โสกผีดิบนี่เอง...