SME ไทยรอดได้ ไอเดียต้องWOW

โลกยุคที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น ธุรกิจ SME ก็ยิ่งต้องเผชิญความท้าทายในหลายมิติแถมมักมีแต่เรื่องมาให้เซอร์ไพรส์ตลอด

ทั้งเซอร์ไพรส์จากปัจจัยภายใน เช่น การบริหารจัดการ หรือในเรื่อง “ต้นทุน” ถือเป็นจุดอ่อนหนึ่งของผู้ประกอบการSMEหรือปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น การที่ต้องเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจ เรื่องค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจทั่วโลกหรือธุรกิจที่กำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยียุคดิจิทัล ฯลฯ

ผลวิจัยล่าสุดของแบงค์ชาติที่พูดถึงตัวเลขผู้ประกอบการSMEมีถึง 80 % ที่ไปไม่รอด มีสาเหตุเพราะขาดทั้งเงินทุน กระบวนการคิด นวัตกรรมและเทคโนโลยี

ส่วนอีก 20 % ที่อยู่รอดได้ ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ 10 % แรกอยู่รอดได้แบบวันต่อวัน เพราะยังพอมีเงินทุนหล่อเลี้ยงและมีนวัตกรรมที่ดี ถ้านับSMEลุ่มที่สามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จจริงๆ แล้วกลับมีเพียงแค่ 10 %  เท่านั้น ที่สามารถปรับตัว มีความคิดสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมด้วยไอเดียที่แตกต่าง ไปจนถึงรู้จักต่อยอดธุรกิจ จนประสบความสำเร็จ 

นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากสถิติยังพบว่ามีธุรกิจเกิดใหม่กว่า 70,000 รายต่อปี แต่มีเพียง 50% เท่านั้นที่ก้าวผ่านปีแรกไปได้

ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยรายงานแบบสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ พบความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2560 โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ต้องการสินเชื่อไปใช้เป็นเงินหมุนเวียน ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่หากดูตัวเลขไส้ใน การอนุมัติสินเชื่อของธนาคารทั้งระบบพบว่า อัตราการอนุมัติสินเชื่อ ที่ให้กับภาคธุรกิจโดยรวมปรับลดลง 14.8% นั่นหมายความว่าธนาคารหลายแห่งปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการ SME น้อยลง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความท้าทายของผู้ประกอบการSMEไทยที่ต้องเผชิญ กับการแข่งขันและความกดดันรอบด้าน

เพราะกล้าที่จะแตกต่างจึงโต

แล้วอะไรคือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบก้าวสู่การเป็นSME เกรด A สามารถยืนหยัดอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงนั้น ?

สังเกตได้ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จและโตต่อได้ในยุคนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนานวัตกรรม อีกทั้งมีความสามารถในการวางแผนและจัดการเป็นเยี่ยม

 แน่นอนว่าขีดความสามารถและศักยภาพดังกล่าวไม่ได้มีมาตั้งแต่เริ่มธุรกิจ หากแต่ต้องเกิดจากการรู้จักขวนขวายเติมเต็มความรู้ และหมั่นติดอาวุธทางปัญญาสม่ำเสมอ

เริ่มจากปรับเปลี่ยนทัศนคติความคิด และค่านิยมและกล้าที่จะเปิดรับโลกทัศน์ใหม่ๆโดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ ถือเป็นคนสำคัญที่ต้องปรับแนวคิดและธุรกิจให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งสภาพการแข่งขัน หรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

รวมถึงการพัฒนาทักษะความสามารถของบุคลากรในองค์กรให้มีศักยภาพขจัดข้อจำกัด และสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยไอเดียที่แตกต่าง และปรับเปลี่ยนแนวการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ที่สำคัญยังหมั่นอัพเดทความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ให้ก้าวทันบริบทโลก ข้อมูลและความรู้เป็นหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการยุคนี้ เพราะคือรากฐานสำคัญในการนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ ต่อยอด และพัฒนาธุรกิจ ผู้ประกอบการจึงต้องรู้ลึกรู้จริง

เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอีกกุญแจสำคัญ ที่ช่วยปรับตัว เพิ่มคุณภาพ และบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ไปจนถึงขยายโอกาสทางการตลาด 

ขณะที่การสร้าง“พันธมิตรธุรกิจและเครือข่าย” เป็นอีกหนึ่งทางลัดที่เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ในยุค Sharing Economy ผู้ประกอบการSMEที่ชาญฉลาดมักรู้จักเเลือกใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

อย่างกรณีที่ธนาคารได้แข่งขันพัฒนาบริการทำธุรกรรมการเงินผ่านแพลตฟอร์มอิเล็คทรอนิกส์ หรือ application ออนไลน์มากขึ้น ที่นอกจากช่วยสร้างความสะดวกในการบริหารจัดการด้านการเงินแล้ว ยังเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันจากความรวดเร็วทันเกมธุรกิจ และช่วยลดต้นทุนจากการปลดล็อคค่าธรรมเนียมของหลายธนาคาร

แต่ในความเป็นจริงสำหรับลูกค้าSMEที่ฉลาดเลือกอาจคิดแตกต่าง “มากกว่า”

เพราะนอกเหนือจากแค่ “สินเชื่อ” “บัญชีที่ไม่มีค่าธรรมเนียม”  หรือ “ประสบการณ์การทำธุรกรรมการเงินด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ”

อีกสิ่งที่ลูกค้าSMEต้องการ “มากกว่า”นั้นคือคู่คิดและที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจที่ช่วยให้สามารถ“ไปต่อ” ได้อย่างราบรื่น

ซึ่งโจทย์ดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่ค่ายการเงินอย่าง TMB ตระหนักและมองเห็นด้วยความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง

โดยจากการที่TMB ได้ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าพบว่าลูกค้าSMEที่มีรายได้ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปีนั้น มีการทำธุรกรรมต่อเดือนประมาณ 80 – 100 ครั้ง ซึ่งสถิติดังกล่าวมากกว่าลูกค้าที่เป็นมนุษย์เงินเดือนถึง 4 เท่าในเมื่อสิ่งที่ผู้ประกอบการSMEต้องการ คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวต่อได้“มากกว่า” และ “แตกต่าง” TMB จึงแสดงให้เห็นว่า TMB แตกต่างจากคนอื่น ไม่เหมือนธนาคารทั่วไป และไม่ใช่เพียงแค่ผู้ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า

ทำให้TMB มองว่าจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมทางการเงินนั้นก็ไม่ควรสูญเปล่าอีกต่อไปแต่ธนาคารน่าจะนำไปใช้ต่อยอด หรือควรยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าSMEที่มากกว่าคนอื่น

จากรากฐานแนวคิด Get MORE with TMBที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการในการให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าสู่นวัตกรรมใหม่  ที่ทางTMB พัฒนาเพื่อลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะนั่นคือโปรแกรมที่ชื่อ “TMB BIZ WOW”สำหรับลูกค้า SME  ที่ให้MORE Benefitsหรือสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเพื่อต่อยอดธุรกิจ ให้เติบโตและคล่องตัวขึ้น

TMB BIZ WOW ถือเป็นนวัตกรรมครั้งแรกของเมืองไทยที่ให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนการทำธุรกรรมการเงิน เป็นสิทธิประโยชน์เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจ

นี่เป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยผลักดันให้ธุรกิจไปได้ไกลขึ้น โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเสียอะไรเลย เพราะเพียงแค่ทำธุรกรรมก็ได้แต้มแล้ว

โดยทุกการทำธุรกรรมแต่ละครั้งของลูกค้าจะได้ คะแนน WOWเป็นคะแนนสะสม ที่เปรียบเสมือนกับเงินสดหรือส่วนลด ซึ่งลูกค้าสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นคอร์สหรือเวิร์คช็อปต่างๆ มีตั้งแต่ความรู้เพื่อต่อยอดธุรกิจช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อให้เกิดความคิดที่แตกต่างเพื่อให้ประกอบธุรกิจสำเร็จ เช่น การเวิร์คช็อปเพิ่มพูนความรู้ด้านการตลาดและการจัดการ การบริหารการลงทุนและภาษี หรือจะแลกเป็นตัวช่วยเพื่อให้การทำธุรกิจราบรื่น เช่น ระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ดังกล่าวยังรวมไปถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ประกอบการ ทั้งการพักผ่อนและการเดินทางได้หมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำธุรกรรมของลูกค้า

เริ่มด้วยเงื่อนไขใช้งานที่ไม่ยากTMB BIZ WOW เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ หรือ SME ที่เพียงแค่เปิดบัญชี TMB SME One Bank แล้วทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่นTMB BIZ TOUCH ก็จะได้ WOW ครั้งแรกเริ่มต้น50 คะแนนทันที หรือโดยปกติที่คุณต้องมีการรับเงินจากลูกค้าอยู่แล้ว ถ้ามีเงินเข้ามาในบัญชี TMB SME One Bank ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป โดยจะโอนเงินมาจากช่องทางไหนก็ได้จะได้รับ WOW 5 คะแนน หรือจะเป็นการโอนจ่ายก็ได้รับคะแนน WOW ทั้งสิ้น

สนใจข้อมูลบริการเพิ่มเติมได้ที่ www.tmbbank.com/bizwow/ หรือโทร SME Center 02-828-2828