รี้ดฯ ปักหมุดประเทศไทย ศูนย์กลางงานแสดงหุ่นยนต์ภูมิภาค เปิดตัว 4 งานใหญ่ ROBOT X รับตลาด อุตฯ 4.0

รี้ดฯ ปักหมุดประเทศไทย ศูนย์กลางงานแสดงหุ่นยนต์ภูมิภาค เปิดตัว 4 งานใหญ่ ROBOT X รับตลาด อุตฯ 4.0

 

รี้ด เทรดเด็กซ์ รุกต่อยอด Thailand 4.0 เจาะตลาดอาเซียนเต็มสูบ เปิดตัว 4 งานใหม่ รับเทรนด์ความต้องการเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ RobotX (ROBOT EXPO) 4 ซีรีส์ งานแสดงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมงานแรกของภูมิภาค ประเดิม RobotX ME ในเดือนมิถุนายน และตามด้วย RobotX METALEX, RobotX Hanoi และ RobotX HCMC ตลอดทั้งปี มั่นใจขึ้นแท่นเจ้าตลาดอาเซียนทันที

จากทิศทางของการพัฒนาการผลิตสู่ยุค 4.0 ในอุตสาหกรรมภาคการผลิตทั้งในระดับโลกและอาเซียนมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะเพิ่มสูงขึ้น 2 เท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีการนำเข้าหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวโน้มการผลิตหุ่นยนต์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แนวโน้มดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากความจำเป็นในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพ และความเสถียรในการผลิต การควบคุมต้นทุน ที่สำคัญคือการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภาวะการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้ ประกอบกับประชากรวัยทำงานลดน้อยลง ด้วยไทยกำลังก้าวสู่งสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ "หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ” ในภาคการผลิต ปัญหานี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย ส่งผลให้แนวโน้มการใช้ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง

นาง เด็บบี้ อีแวนส์, ประธานบริษัท รี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่นส์ ภาคพื้นอาเซียนและออสเตรเลีย กล่าวว่า ทิศทางของงานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม มีแนวโน้มที่จะเติบโตแบบเฉพาะทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงด้าน AI, งานการวางระบบออโตเมชั่น, งานด้านการพัฒนาหุ่นยนต์ รวมถึงงานเฉพาะสำหรับหุ่นยนต์บริการ และในแต่ละครั้งของการจัดงานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ร่วมแสดง และผู้เข้าชมงานจำนวนมาก คาดว่าจะมีการผลิตหุ่นยนต์มากถึง 61.4 ล้านตัวในปี 2563 จาก 8.8 ล้านตัวในปี 2558 โดยในส่วนของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมนั้นมีความต้องการสูงใน 5 อุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและ อิเล็อทรอนิกส์ เหล็ก ยางและพลาสติก และการแปรรูปอาหาร โดยเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรายงานของ International Federation of Robotics (IFR) ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2562 จะมีอุตสาหกรรมใหม่ที่มีสายการผลิตเป็นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านราย โดย 65% อยู่ในยุโรป โดยจะยิ่งมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วโลก”

“อาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทย เป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยแวดล้อมเอื้อต่อการใช้หุ่นยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระดับของการผลิตในขั้นสูง ปริมาณความต้องการแรงงานที่เชี่ยวชาญ และความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งนี้ รี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่น เลือกประเทศไทยเพื่อเปิดตัว 4 งานแสดงหุ่นยนต์ภาคอุตสาหกรรมในครั้งนี้ โดยจะเป็นงานแสดงเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ครบครันที่สุด ซึ่งสำหรับผู้เข้าชมงานที่เป็นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมของไทย จะได้เห็นและเลือกใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆเร็วขึ้นพร้อมๆกับฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ของโลก ในขณะที่ผู้ร่วมแสดงซึ่งเป็นลูกค้าของเราในงานประเภทนี้ทั่วโลกจะได้ขยายตลาดสู่อาเซียนผ่านประเทศไทย และเวียดนามโดยเฉพาะทั้งในกลุ่มที่ทำตลาดเองและกลุ่มที่ต้องการมองหาผู้แทนจำหน่าย”

นายอิสระ บุรินทรามาตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เผยจากความต้องการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในทุกสาขาอุตสาหกรรมในภูมิภาคทั้งไทย และเวียดนาม ที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยเทรนด์ของ Smart Factory ประกอบกับนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทยที่มีมาตรการส่งเสริม และสนับสนุนของภาครัฐผ่าน BOI เพื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่-กลาง ในมาตรการยกเว้นภาษีการนำเข้า หรือการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกับผู้ประกอบการขนาดย่อม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมร่วมกับ SME Bank ยิ่งสร้างความน่าสนใจในการลงทุนด้านหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติแบบก้าวกระโดด ทั้งที่เป็นแบรนด์จากต่างประเทศ และหุ่นยนต์สัญชาติไทย

จากการที่บริษัท ฯ เป็นผู้นำการจัดงานแสดงเทคโนโลยีรองรับภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีฐานผู้เข้าชมงานในแต่ละปีรวมกันกว่า 250,000 คน อยู่แล้วจึงเป็นจุดแข็งของเรา ดังนั้นการเปิดตัว 4 งานแสดงหุ่นยนต์อุตสาหกรรมควบคู่ไปกับงานหลักที่มีอยู่จึงเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมแสดง  ว่าจะมีผู้เข้าชมงานซึ่งเป็นฐานผู้ซื้อ ที่มีความต้องการหุ่นยนต์อยู่แล้วทันที โดยในขณะนี้มีแบรนด์ต่างๆ ที่เข้าร่วมงานแล้วในทั้ง 4 งานรวมกันกว่า 30 แบรนด์จาก 10 ประเทศ อาทิ  อเมริกา, เยอรมัน, สวีเดน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ไต้หวัน, จีนรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งนับได้ว่ามากที่สุดในอาเซียน โดยมีความหลากหลายของเทคโนโลยีที่สามารถรองรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมในทุกขนาดตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึง SMEs

โดยทั้ง 4 งานภายใต้ RobotX (ROBOT EXPO) ซีรีส์ ประกอบด้วย

Untitled-2

เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการวางแผนในการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เข้ามาใช้ในสายการผลิตของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ ยังได้ตระหนักถึงการเตรียมพร้อมให้กับผู้ประกอบการในด้านต่าง ๆ ด้วยการจัดให้มีงานสัมมนาที่เน้นเรื่องแนวทางการปรับตัวก่อนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยน การพบปะและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ประกอบการที่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีไปแล้วกับโรงงานที่กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ พร้อม ๆ กับการสร้างกิจกรรม Workshop ให้ผู้ประกอบการได้ลงมือปฎิบัติ เพื่อเกิดความรู้ ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และนำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็วและถูกต้อง

นอกจากนี้ยังเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมได้ร่วมกันสร้างเครือข่ายพันธมิตรในอาเซียนที่กำลังก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 เหมือนกัน ในรูปแบบการจับคู่ทางธุรกิจ อาศัยจุดแข็งของกันและกันในการขยายโอกาสทางธุรกิจ เพื่อทุกฝ่ายประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน

ทางบริษัทคาดว่าการออกแบบงานแสดงสินค้าใหม่ “โรบอท เอ็กซ์โป” ในครั้งนี้  จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าทางด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ครบวงจรที่สุดของอาเซียน  และคาดว่าตลอด 3 ปี นับจากนี้จะสร้างมูลค่าการซื้อเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต ผ่านงานแสดงสินค้าของบริษัท ไม่น้อยกว่า หนึ่งหมื่นล้าน