เครือข่ายอนาคตไทย เดินหน้า อย่าให้ใครว่าไทย ต่อเนื่อง ปี2561

เครือข่ายอนาคตไทย เดินหน้า อย่าให้ใครว่าไทย ต่อเนื่อง ปี2561

 

เครือข่ายอนาคตไทย เดินหน้ารณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” ต่อเนื่อง ปี 2561

เครือข่ายอนาคตไทยยังคงเดินหน้าสร้างกระแสการรับรู้ให้กับคนไทยด้วยการประชาสัมพันธ์สื่อ “อย่าให้ใครว่าไทย” การจัดเวทีเสวนา คิดดี...มีตังค์ ในสถาบันการศึกษา และสร้างการเรียนรู้เชิงลึกในมิติ “อย่าให้ใครว่าไทยฟุ้งเฟ้อ” ด้วยการผลักดันโครงการสร้างวินัยทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กรสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทยและกลุ่มนักศึกษาในสถาบันการศึกษาที่เป็นเครือข่ายอนาคตไทยระดับจังหวัด

เครือข่ายอนาคตไทยเป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการรณรงค์ระดับประเทศ Thailand Campaign ภายใต้ชื่อ "อย่าให้ใครว่าไทย"  ซึ่งเป็นโครงการที่มีจุดมุ่งหมายที่จะกระตุ้นให้คนไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติลดเลิกพฤติกรรมเชิงลบ (ฟุ้งเฟ้อ ขี้โกง มักง่าย ไร้สติ) โดย 6 องค์กรหลักผู้ริเริ่ม ได้แก่ มูลนิธิมั่นพัฒนา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและสภาหอการค้าไทย ปัจจุบันมีภาคีเครือข่ายทั้งสิ้นจำนวน 119องค์กร

นายธาตรี ลิขนะพิชิตกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันมั่นพัฒนา เล่าถึงแผนการขับเคลื่อนภารกิจโครงการ “อย่าให้ใครว่าไทย” ของเครือข่ายอนาคตไทยในปี 2561 ที่ยังคงรักษากระแสการรับรู้เพื่อสร้างความตระหนักให้คนในสังคมได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติและลดเลิกพฤติกรรมเชิงลบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ฟุ้งเฟ้อ ขี้โกง มักง่าย ไร้สติ ด้วยการนำสื่อ “อย่าให้ใครว่าไทย” อันประกอบไปด้วยภาพยนตร์โฆษณา ชุดไทย 4 เผ่า สปอตวิทยุ 4 เรื่องเนื้อหาเดียวกันกับภาพยนตร์โฆษณา คลิปโฆษณาคิดดี..มีตังค์ 2 คลิป กลับมาเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ด้วยความร่วมมือขององค์กรสมาชิกเครือข่ายฯ ทั้ง 119 องค์กร รวมถึงการเผยแพร่บทเพลง “ไทยสไตล์” บทเพลงรณรงค์ให้คนไทยใช้ชีวิตบนความพอเพียงที่ขับร้องโดยคุณสิงโต นำโชค นักร้องขวัญใจคนรุ่นใหม่

นอกจากการนำชุดสื่อ “อย่าให้ใครว่าไทย” กลับมาเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อขององค์กรภาคีเครือข่ายแล้ว เครือข่ายอนาคตไทยยังมีแผนการสร้างกระแสการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา ด้วยการจัดเวทีเสวนา คิดดี...มีตังค์ เวทีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และจุดประกายให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการการเงินและการใช้ชีวิตแบบมีสไตล์มีสตางค์ซึ่งเป็นวิถีชีวิตบนพื้นฐานของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยในเวทีประกอบไปด้วยการให้ความรู้จากวิทยากรสมาคมนักวางแผนการเงินไทยและการพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเหล่าศิลปินดาราที่มาแบ่งปันประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการเงินเพื่อเป็นแบบอย่างให้น้องๆนักศึกษาได้เรียนรู้ซึ่งในปีนี้จะได้จัดเวทีเสวนาดังกล่าวขึ้นในสถาบันการศึกษาทั้งหมด 2 แห่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาชั้นปีที่ 4/นักเรียนอาชีวศึกษา ที่กำลังจะเรียนจบออกไปเริ่มต้นชีวิตการทำงานและมีรายได้เป็นของตนเองที่จะสามารถวางแผนการบริหารจัดการการเงินของตนเองได้เป็นอย่างดี เป็นการสร้างกระแสการรับรู้ในมิติ “อย่าให้ใครว่าไทยฟุ้งเฟ้อ” ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยในมิติอื่นๆ จะเป็นการสร้างการรับรู้ด้วยสื่อโฆษณา ด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ รวมทั้งมีการขับเคลื่อนขององค์กรภาคีเครือข่ายอนาคตไทยซึ่งยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ซึ่งตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti -Corruption) วันที่ 9 ธันวาคม ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" ขึ้น เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้สังคมและทุกภาคส่วนไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการทุจริต และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand)  ตามแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งจะเป็นแนวทางการขับเคลื่อนขององค์กรภาคีเครือข่ายอนาคตไทยที่มีภารกิจการรณรงค์ในมิติ “อย่าให้ใครว่าไทยขี้โกง” ต่อไป

สำหรับมิติ “อย่าให้ใครว่าไทยมักง่าย” และ “อย่าให้ใครว่าไทยไร้สติ” ซึ่งเป็นมิติด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จะเห็นได้ว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย มีกรณีเกิดขึ้นให้รับรู้กันในสังคมบ่อยครั้ง ทั้งเหตุการณ์น้ำท่วมถนนแล้วมีขยะผุดขึ้นมากองเต็มถนนในกรุงเทพมหานคร  กรณีพิพาทต่างๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เครือข่ายอนาคตไทยจะต้องสร้างกระแสเพื่อกระตุ้นเตือนให้คนในสังคมเกิดความตระหนักและปรับเปลี่ยนทัศนคติ ลดเลิกพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทั้งสองเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเครือข่ายอนาคตไทยมีแผนที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สื่อ “อย่าให้ใครว่าไทยมักง่าย” และ “อย่าให้ใครว่าไทยไร้สติ” เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ให้คนในสังคมไทยผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ขององค์กรภาคีเครือข่ายทั้ง 119 องค์กร เช่นเดียวกัน

ด้านผู้แทนจากสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรตั้งต้นเครือข่ายอนาคตไทย นายวิทวัส ชัยปาณี นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ได้เล่าถึงการสนับสนุนโครงการ “อย่าให้ใครว่าไทย” เพื่อการสร้างกระแสการรับรู้ในสังคมวงกว้างในปี 2561 นี้ว่า “สมาคมโฆษณาฯ ได้มีการผลักดันประเด็นการรณรงค์ทั้ง 4 ด้าน ให้เป็นหัวข้อการประกวดสื่อโฆษณาต่างๆ ได้แก่ งานประกวด Young Lotus Award ระหว่างการโฆษณาภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ADFEST) ซึ่งเป็นการอบรมครีเอทีฟรุ่นใหม่แล้วให้โจทย์เพื่อสร้างโฆษณามาประกวด จะมีการนำโจทย์ “อย่าให้ใครว่าไทยไร้สติ” เข้ามาเป็นหัวข้อในการประกวด และผลงานที่ประกวดยังสามารถนำมาเผยแพร่รณรงค์ต่อได้ด้วย โครงการ True Young Producer Award (สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลนิธิช่อสะอาด และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)) ซึ่งเป็นการประกวดการผลิตสื่อโดยนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ก็มีการตกลงกันในเบื้องต้นที่จะใช้โจทย์ “อย่าให้ใครว่าไทยขี้โกง” ในการประกวดประจำปีนี้ และในงานประกวด Adman Awards ประจำปี 2561 ก็จะได้มีการผลักดันให้ใช้โจทย์ “อย่าให้ใครว่าไทยฟุ้งเฟ้อ” และ “อย่าให้ใครว่าไทยมักง่าย” อันใดอันหนึ่งเป็นโจทย์หนึ่งสำหรับการผลิตสื่อเข้าประกวดเช่นกัน ซึ่งจากการสนับสนุนดังกล่าวของสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยคาดว่าจะส่งผลดีต่อการสร้างกระแสรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” ในปีนี้ได้อย่างมากอีกทางหนึ่ง” นายวิทวัส กล่าว

สำหรับงานสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นซึ่งถือเป็นการทำงานในเชิงลึกเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย เครือข่ายอนาคตไทยยังคงดำเนินการต่อเนื่องในเรื่องการสร้างวินัยทางการเงินโดยเริ่มต้นจาก 5 องค์กรสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทยที่จะเป็นองค์กรนำร่องในการทดลองโมเดลการสร้างวินัยทางการเงินและการแก้ไขปัญหาหนี้สินพนักงานภายในองค์กร ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการขยายโมเดลต่อในทั้ง 119 องค์กรสมาชิกเครือข่ายฯ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมวงกว้างต่อไป ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมนักวางแผนการเงินไทย และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) นอกจากนั้นเครือข่ายอนาคตไทยที่เป็นระดับจังหวัดได้แก่ ขอนแก่น สุโขทัย และนครปฐม จะจัดทำแผนสร้างการเรียนรู้ให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา ในสถาบันการศึกษาในจังหวัดอย่างน้อย 1 แห่ง ด้วยความร่วมมือจากสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ที่จะได้จัดการอบรมการบริหารจัดการการเงินเบื้องต้นเพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงานของนักเรียน นักศึกษา และที่สำคัญเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยการสร้างวินัยทางการเงินที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา คือ แอปพลิเคชัน คิดดี...มีตังค์ ก็จะพัฒนาเวอร์ชันใหม่เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการสร้างนิสัยการออมให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีแผนการดำเนินงานที่จะพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย อย่างง่ายในแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งในการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคล

เครือข่ายอนาคตไทยกับแผนการขับเคลื่อนภารกิจต่อเนื่องในปี 2561 จะสำเร็จลุล่วงได้มากน้อยประการใดก็ขึ้นกับความร่วมมือจากองค์กรสมาชิกเครือข่ายฯ และการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในสังคม ที่จะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนทัศนคติและลดเลิกพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เกิดค่านิยมใหม่บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป

ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และสื่อรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” ของเครือข่ายอนาคตไทยได้ที่ Facebook "เครือข่ายอนาคตไทย" (https://www.facebook.com/เครือข่ายอนาคตไทย) และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน คิดดี...มีตังค์ ได้แล้วที่ App Store / Play Store หรือ Scan QR Code เพื่อ Download Application