ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีเพิกถอนEIAแอสปาย งามวงศ์วาน

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีเพิกถอนEIAแอสปาย งามวงศ์วาน

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีเพิกถอนEIAแอสปาย งามวงศ์วาน ให้ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ใช้อำนาจตามกฎหมาย ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัด

วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ศาลปกครองกลางได้อ่านผลแห่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อส. ๗๒/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อส. ๒๙/๒๕๖๗ ระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๙ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ กรุงเทพมหานคร ที่ ๑ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ที่ ๒ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ที่ ๓ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ ๔ บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ ๕ และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และการบริการชุมชน ที่ ๖ (ผู้ถูกฟ้องคดี)

 โดยที่คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้งสามสิบเก้าฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ร่วมกันออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ไม่ถูกต้อง และการก่อสร้างโครงการดังกล่าวดำเนินการโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ใน EIA อย่างต่อเนื่อง

ทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและกระทบต่อการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของผู้ฟ้องคดีทั้งสามสิบเก้า จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและเพิกถอนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ปฏิบัติหน้าที่โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ใน EIA ให้ครบถ้วน กับให้ชดใช้ค่าเสียหาย

ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๑๒ ที่ ๑๓ และที่ ๑๖ พร้อมดอกเบี้ย และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ ในการประชุมครั้งที่ ๕๙/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ อย่างเคร่งครัด ทั้งในช่วงก่อสร้างและช่วงเปิดดำเนินโครงการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
 

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน มีรายละเอียดที่ครอบคลุมสาระสำคัญตามแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ 

ได้มีมติให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ (แบบ กทม ๖) เลขที่ ๑๒๑/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ นั้น เป็นกรณีที่ไม่ขัดต่อข้อกำหนดเกี่ยวกับความสูงของอาคาร ตามข้อ ๔๔ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒  ด้วยเหตุนี้ การออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารในกรณีดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว 

 อย่างไรก็ดี โดยที่มาตรา ๕๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่มีผลใช้บังคับในช่วงเวลาขณะเกิดกรณีพิพาท ได้บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาสั่งอนุญาต หรือต่ออายุใบอนุญาต นำมาตรการตามที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการสั่งอนุญาต หรือต่ออายุใบอนุญาตโดยให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายในเรื่องนั้นด้วย 

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑๑ ของใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารฯ เลขที่ ๑๒๑/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ที่ให้ผู้ยื่นแจ้งฯ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ จึงต้องถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารตามใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคาร และถือเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ด้วย 

เมื่อผู้สั่งอนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ก่อสร้างอาคารโดยมีเงื่อนไข ได้ทราบถึงการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตนเองได้นำไปกำหนดไว้ในการอนุญาตครั้งดังกล่าวและยังถือเป็นเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีหน้าที่ในการพิจารณาทบทวนการอนุญาตครั้งนั้นว่ายังมีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ปรากฏว่า ได้มีการพิจารณาทบทวนการออกคำสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารครั้งดังกล่าว และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ปล่อยปละละเลยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ อยู่ในวิสัยที่สามารถจะใช้มาตรการบังคับทางปกครองเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของตนได้

 เนื่องจากการดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เป็นโครงการขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ที่มีขอบเขตที่จำกัดบริเวณแน่นอน และเป็นการดำเนินการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ควบคุมและระงับยับยั้งการก่อสร้างอาคารโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือฝ่าฝืนต่อเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ มิได้ใช้มาตรการทางปกครองอย่างครบถ้วน ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการให้การควบคุมอาคารและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้นสัมฤทธิ์ผลได้ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย แต่กลับปล่อยให้เกิดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน 

กรณีจึงพิจารณาได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติแล้ว  ทั้งนี้ ความเสียหายตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง เป็นผลที่ไกลเกินกว่าเหตุจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จึงมิได้กระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายในกรณีนี้จากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แต่อย่างใด  

พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ ในการประชุมครั้งที่ ๕๙/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ อย่างเคร่งครัด ทั้งในช่วงก่อสร้างและช่วงเปิดดำเนินโครงการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก