อสังหาฯปี67ฟื้นแบบK-Shaped รายใหญ่กินรวบ!รายเล็กอยู่ยาก

อสังหาฯปี67ฟื้นแบบK-Shaped รายใหญ่กินรวบ!รายเล็กอยู่ยาก

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยชี้ อสังหาฯปี67ฟื้นแบบK-Shaped รายใหญ่กินรวบ!รายเล็กอยู่ยากพัฒนาโครงการลำบากขึ้นเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อโครงการ รวมทั้งการขายหุ้นกู้ยากขึ้น

Key Points: 

  • จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวชะลอตัวผนวกกับปรากฏการณ์บ้านหรูบูมอย่างต่อเนื่องสะท้อนตลาดที่อยู่อาศัยส่งสัญญาณการฟื้นตัวแบบ
  • K Shape ซึ่งเป็นกลุ่มคนมีกำลังซื้อบ้านราคาแพง สวนทางกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่างที่ได้รับผลกระทบดอกเบี้ยขาขึ้นและถูกปฏิเสธสินเชื่อจนไม่สามารถซื้อบ้านได้
  • ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายอสังหารายกลาง-เล็กพัฒนาโครงการลำบากขึ้นเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อโครงการ รวมทั้งการขายหุ้นกู้ยากขึ้น

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย  กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในตลาดอสังหาฯปี2567รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยราคาแพงที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อราคาแพงเท่าไหนยังขายได้ สวนทางกับที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทที่ทำตลาดยาก เพราะกลุ่มลูกค้าไม่มีกำลังซื้อและไม่สามารถขอสินเชื่อได้  โอกาสที่คนจะซื้ออสังหาฯลดลง จึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญของธุรกิจโดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางล่างที่จับกลุ่มลูกค้าในตลาดล่างที่กำลังซื้อเปราะบาง 

"สภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวK Shape ผู้ประกอบการรายใหญ่ย่อมได้เปรียบเพราะมีปั๊มน้ำมากกว่ารายเล็ก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรายใหญ่จับมือกันทำให้รายเล็กไม่มีโอกาสแข่งขันได้เลย เพราะฐานลูกค้ามีปัญหารายได้ โอทีลดลง เพราะมีระบบอัตโนมัติเข้ามาทดแทนทำให้โครงการขายยากขึ้น สวนทางกับบ้านราคาแพงในโซนกรุงเทพกรีฑา ราชพฤกษ์ราคาเท่าไรขายได้ 80-120 ล้าน"
               

นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร   กล่าวว่า หากมองในแง่ดีผู้ประกอบการรายกลาง เล็กมีแรงกดดันน้อยกว่าบริษัทใหญที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องพัฒนาโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อหุ้นในตลาด

หากไม่ได้มีปัญหาการเงินยังสามารถอยู่ได้ เพียงแต่อาจชะลอกการพัฒนาโครงการตามดีมานด์ สภาพตลาด  สามารถทำได้ง่ายกรณีเป็นโครงการแนวราบ ส่วนแนวสูงมีการชะลอการเปิดตัวโครงการมานานแล้ว เพราะยังมีซัพพลายเหลือรอการดูดซับ
                 
  "จากสภาพเศรษฐกิจและตัวเลขจีดีพีที่โตเพียงแค่ 1.8% ไม่ว่าธุรกิจไหน ขนาดเล็กขนาดใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบหมด ต่อให้ปีนี้จีดีพีจะอยู่ที่2.8%ถือว่าน้อยไปเพราะไม่ควรต่ำกว่า3%"

 ดังนั้นแนวทางกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น คือการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯที่มีมูลค่าทะลุล้านล้านแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาอสังหาฯมีสัดส่วนรายได้ 12% จีดีพี เพราะมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก
                   
  นายวสันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสมาคมอสังหาฯได้ยื่นขอเสนอ 8 ข้อเสนอเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกับรัฐบาลแล้ว หวังว่า จะสามารถดำเนินการได้เร็ว หนึ่งในมาตรการที่อยากให้เร่งดำเนินการคือการขายการเช่าให้ยาวขึ้นจากเดิม 30ปี เป็น 50-90ปี เพื่อรองรับแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟในประเทศ ประกอบกับแนวโน้มแรงงานไทยในอนาคตขาดแคลนมากขึ้นจากการที่เด็กเกิดใหม่ลดลง แนวโน้มแรงงานต่างชาติเข้ามามากขึ้น 
                  

"จากการประเมินสภาพตลาดอสังหาฯในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่า  การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นทุบสถิติยอดขายสูงสุดในรอบ5 ปี เนื่องจากทุกค่ายต่างออกโปรโมชั่นต่างๆออกมานำเสนอแก่ลูกค้าเพื่อชิงกำลังซื้อก่อนแทนที่จะลุ้นปลายปี"

สังเกตได้จากสัดส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่เข้ามาร่วมกิจกรรมในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45มากขึ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40%จากเดิมอยู่ที่ 30% อาทิ แสนสิริ ซื้อบูธเพิ่ม20 บูธจากเดิม 8 บูธในปีที่ผ่านมา
 

ล่าสุด 3 สมาคมอสังหาฯ ประกอบด้วย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้ร่วมในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45  ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 24 มี.ค. 2567 Hall 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นอีเวนท์ใหญ่ที่สุดของวงการอสังหาฯ

โดยใช้งบกว่า 20 ล้านบาทเพื่อขยายฐานลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น คาดว่าจะมีผู้ประกอบการมาร่วมออกบูธภายในงานกว่า 150 บริษัท รวมมากกว่า 1,000 โครงการจากทั่วประเทศ คาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง 4 วัน จะมีผู้เข้าร่วมงาน50,000 – 80,000 คนสามารถกระตุ้นสร้างยอดขายภายในงานกว่า  4,000 ล้านบาท