จับตา!ออลล์อินสไปร์เสี่ยง'คอล ดีฟอลต์'แต่ไม่ถึงขั้นสะเทือนตลาดอสังหาฯ

จับตา!ออลล์อินสไปร์เสี่ยง'คอล ดีฟอลต์'แต่ไม่ถึงขั้นสะเทือนตลาดอสังหาฯ

จับตา!ออลล์อินสไปร์เสี่ยง'คอล ดีฟอลต์'สะกิดความเชื่อมั่นลูกค้า! แต่ไม่ถึงขั้นสะเทือนตลาดอสังหาฯ หลังผิดนัดชำระหุ้นกู้ 4 ชุดรวมเป็นเงิน 1,400 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราบวกเพิ่ม 2% ภายใน 31 ก.ค.นี้

การผิดนัดชำระหุ้นกู้ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีให้เห็นต่อเนื่องโดยเฉพาะตั้งแต่โควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งการผิดนัดจ่ายคืนหุ้นกู้ตามที่สัญญาระบุเมื่อตอนออกขาย หรือแม้แต่การผิดนัดจ่ายดอกเบี้ยเพียงหลัก 10 ล้านบาท เริ่มมีกระแสข่าวให้เห็นมากขึ้นและที่สร้างความปั่นป่วนอย่างมากนั่นคือ STARK !

ล่าสุด 'ออลล์ อินสไปร์'  เสี่ยงถูก “คอล ดีฟอลต์” (call default) หลังผิดนัดชำระหุ้นกู้ 4 ชุดรวมเป็นเงิน 1,400 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราบวกเพิ่ม 2% จากอัตราดอกเบี้ยปกติและจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าบริษัทจะชำระหนี้เสร็จสิ้นภายใน 31 ก.ค.นี้

สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด มองว่า ปัจจัยสำคัญ คือ การขาดรายได้ในช่วงระหว่างปี 2563-2565 ทำให้ 'ออลล์ อินสไปร์' ขาดเงินสดหมุนเวียน ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สร้างที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะส่งผลค่อนข้างรุนแรง! เพราะทุกภาคส่วนของการประกอบธุรกิจประเภทนี้ต้องใช้เงินสดทั้งนั้น เมื่อขาดเงินสด การก่อสร้างก็อาจหยุดชะงัก! เป็นผลลบต่อบริษัททำให้ขาดความน่าเชื่อถือและมีผลต่อการขายแน่นอน 

“คนอาจกังวลในเรื่องการก่อสร้าง การส่งมอบงาน และคุณภาพของงานก่อสร้าง สุดท้ายแล้วจะขายอะไรไม่ได้เลย การผ่อนดาวน์ของลูกค้าที่จองไปแล้วก็อาจหยุดไปด้วย ยิ่งทำให้ปัญหาเรื่องขาดเงินสดหมุนเวียนรุนแรงขึ้น”
 

บางบริษัทที่มีปัญหาเรื่องการผิดชำระหุ้นกู้ยังคงดำเนินกิจการอยู่ และมีการออกมาชี้แจงหรือแสดงความรับผิดชอบต่างๆ แต่บางบริษัทเงียบหายไปเลย โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาฯ ที่มีคนเดือดร้อนหลายคน แต่มีแค่จดหมายชี้แจงหรือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น และอาจมีเรื่องของการขายที่ดิน หรือโครงการต่างๆ ที่ไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ได้

“การผิดนัดชำระหุ้นกู้ หรือดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงปัญหาภายในบริษัทที่ไม่สามารถแก้ไขได้แบบชัดเจนแล้ว และคงไม่สามารถหาเงินมาหมุนเวียน หรือ ชำระอะไรต่างๆ ได้แน่นอน เพราะขาดความน่าเชื่อถือไปแล้วไม่ต้องหวังในเรื่องการขายคอนโดมิเนียม หรือบ้าน ขอสินเชื่อธนาคารก็คงไม่ได้แน่นอน ทำได้อย่างเดียว คือ หารายได้จากช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ต้องผ่านกลไกของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น กรรมการของบริษัท หรือนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนเพิ่มเติม”
 

ถ้าการระดมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาทำไม่ได้! ก็อาจเห็นการปิดกิจการของบริษัทที่มีปัญหาในรูปแบบนี้ในอีกไม่นาน ซึ่งการปิดบริษัทอสังหาฯ อาจส่งผลกระทบรุนแรงกว่าธุรกิจอื่นๆ เพราะเกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่คนที่ซื้อหุ้น หรือหุ้นกู้เท่านั้น เนื่องจากยังมีคนจำนวนมากที่ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมแล้วยังไม่ได้บ้านหรือคอนโดมิเนียมทั้งที่มีการจ่ายเงินบางส่วนให้บริษัทไปแล้ว รวมไปถึงบริษัท ห้างร้านที่ส่งสินค้า หรือทำธุรกิจกับบริษัท ยังรวมถึงพนักงานหรือคนที่เกี่ยวข้องในบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ได้เงินในส่วนที่ต้องได้ทันทีที่บริษัทปิดตัวลง หรือหยุดดำเนินกิจการไปแบบเงียบๆ

กลุ่มของผู้ซื้ออาจจะต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางเอาเงินของตนเองคืน เพราะจ่ายเงินดาวน์ให้กับบริษัทไปแล้ว แต่การก่อสร้างไม่คืบหน้า และคงไม่ได้บ้านหรือคอนโดมิเนียมตามที่ตั้งใจแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะติดตามหรือทวงถามในเรื่องนี้จากใครในบริษัท เพราะอาจมีการย้ายที่ตั้งของบริษัท หรือคนที่เคยติดต่อคงขาดการติดต่อไปแล้ว 

การรวมตัวกันเพื่อให้กลุ่มของผู้ที่เสียหายมีขนาดใหญ่ และความเสียหายจำนวนมาก “ดีกว่า” การออกมาเรียกร้องลำพังหรือแค่ไม่กี่คน หรือการร้องเรียนผ่านหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ต้องดำเนินไปตามขั้นตอน รวมไปถึงขั้นตอนทางกฎหมายด้วย

เพราะสุดท้ายแล้วการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือเงินที่จ่ายไปแล้วคืนคงต้องอาศัยกระบวการยุติธรรมจากการตัดสินของศาลระดับต่างๆ

จับตา!ออลล์อินสไปร์เสี่ยง\'คอล ดีฟอลต์\'แต่ไม่ถึงขั้นสะเทือนตลาดอสังหาฯ

สุรเชษฐ ระบุว่า การที่บางบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาฯ แล้วมีปัญหาเรื่องของการผิดนัดชำระหุ้นกู้หรืออาจจะบานปลายถึงขั้นปิดกิจการ คงเป็นปัญหาเฉพาะของบริษัทและคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น! ไม่กระทบกับธุรกิจทั้งระบบ หรือบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกัน เพราะโดยทั่วไปแล้วการดำเนินธุรกิจประเภทนี้เป็นเอกเทศไม่เกี่ยวข้องกัน

“แต่อาจจะสร้างความหวั่นไหวให้คนทั่วไปที่อาจเริ่มวิตกกังวลถึงสถานะของบริษัทที่ตนกำลังผ่อนดาวน์อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละบริษัทต้องหาทางสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทั่วไปในแนวทางของตนเอง”

อย่างไรก็ตาม สถานะของบริษัทในธุรกิจอสังหาฯ ในประเทศไทยยังไม่น่าเป็นห่วง การออกหุ้นกู้ของแต่ละบริษัทยังเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนที่มีการตรวจสอบ และให้เครดิตจากหน่วยงานต่างๆ ถ้าเกิดมีบริษัทอื่นๆ ที่มีปัญหาในรูปแบบนี้เกิดขึ้นอีก ก็เป็นเรื่องของบริษัทนั้นๆ เช่นกัน แต่ความวิตกกังวลมากกว่าแค่บริษัทเดียวแน่อน เพราะล่าสุดบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ยังคงเดินหน้าออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง!