ซีพีเอฟ ส่งมอบสัญญาคอนแทร็คฟาร์มมิ่งมาตรฐานอิงหลักสากล

ซีพีเอฟ ส่งมอบสัญญาคอนแทร็คฟาร์มมิ่งมาตรฐานอิงหลักสากล

ย้ำเกษตรกรคือ “พันธมิตรธุรกิจ” ต้องเติบโตคู่กันอย่างยั่งยืน

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ปรับสัญญาคอนแทร็คฟาร์มใหม่อิงหลักมาตรฐานสากลและส่งมอบสัญญาให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯทั้งหมด 5,960 คู่สัญญา โดยยึดหลักความเป็นธรรมและการมีส่วนร่วม พร้อมเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกร เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้กับเกษตรกร

นายณรงค์ เจียมใจบรรจง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับยกระดับมาตรฐานสัญญาคอนแทร็คฟาร์มมิ่งให้เป็นระบบที่มีความธรรมกับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้ปรับปรุงสัญญาโดยใช้หลักการสากลของ UNIDROIT (The International Institute for the Unification of Private Law)

ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระทางกฎหมายสากลอันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีประเทศสมาชิกรวม 63 ประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานในการดำเนินโครงการคอนแทร็คฟาร์มที่ดี ในเรื่อง บทบาทและความรับผิดชอบของคู่สัญญา ระยะเวลาของสัญญา การต่อและเลิกสัญญา การจัดการในกรณีที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ในกรณีที่มีข้อพิพาท หรือการละเมิดสัญญาซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและโปร่งใส

“การปรับสัญญาคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง เพื่อให้สัญญาและแนวทางการดำเนินธุรกิจมีความทันสมัยและเป็นระบบมากขึ้น สามารถเทียบเคียงได้ตามมาตรฐานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) โดยมุ่งมั่นการสร้างความเป็นธรรมและมาตรฐานสากลในการดำเนินงานระหว่างบริษัทกับเกษตรกรที่ทำธุรกิจร่วมกัน” นายณรงค์กล่าว

นายณรงค์กล่าวต่อว่า ซีพีเอฟได้มีโอกาสนำเสนอตัวอย่างเนื้อหาในสัญญาฉบับปรับปรุงใหม่นี้ในการประชุมกลุ่มลุ่มน้ำโขงในหัวข้อ “แผนงานและแนวทางปฏิบัติคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง” เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในการนำมาปรับปรุงสัญญาที่สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกให้มากที่สุด

สาระสำคัญในสัญญาปรับปรุงใหม่ เป็นการเน้นย้ำเรื่องของความชัดเจนในการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการดำเนินงานร่วมกันในบทบาทของ “พันธมิตรธุรกิจ” ที่เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีส่วนร่วมตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจร่วมกันโดยเฉพาะในกรณีมีความเสี่ยง การระบุรายละเอียดการจ่ายผลตอบแทนอย่างชัดเจน และยังได้จัดทำป้ายฟาร์มใหม่ ที่มีการระบุชื่อฟาร์ม ที่อยู่ ประเภทของสัตว์ที่เลี้ยง เพื่อแสดงข้อมูลฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการกับบริษัทฯ แก่ชุมชนรอบข้างซึ่งขณะนี้ บริษัทฯได้ส่งมอบสัญญาใหม่ให้กับเกษตรกรครบทั้ง 5,960 คู่สัญญาแล้ว

“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกโครงการฯสามารถติดต่อตรงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อให้เกษตรกรได้สอบถาม แจ้งเรื่องราว ขอความช่วยเหลือ หรือเสนอคำแนะนำด้านต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกันจะทำให้การช่วยเหลือเกษตรกรและแก้ไขปรับปรุงการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายณรงค์กล่าว

นับตั้งแต่ปี 2518 ซีพีเอฟได้ริเริ่มโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง ภายใต้ “โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เกษตรกรรายย่อย” เพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้แก่เกษตรกรไทย โดยให้การสนับสนุนเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์ องค์ความรู้ในการเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนบริหารจัดการแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการดำเนินกิจการ

“เกษตรกรภายใต้ระบบคอนแทร็คฟาร์มมิ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety)ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก อาหารจากฟาร์มของเกษตรกรในโครงการฯของซีพีเอฟ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาได้ตลอดจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีการควบคุมการผลิตจากสัตวบาล-สัตวแพทย์ ตลอดจนคู่ค้าจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น” นายณรงค์ย้ำ

ตลอดระยะเวลา 40 ปี โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อยของซีพีเอฟได้ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับเกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่แน่นอน มีความรู้และเทคโนโลยีในการเลี้ยงสัตว์ โดยร้อยละ 60 จากเกษตรกร 5,960คู่สัญญา เป็นเกษตรกรที่ร่วมโครงการฯกับบริษัทมานานกว่า 10 ปี และเกษตรกรรุ่นแรกๆ ยังคงลงทุนสร้างฟาร์มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และส่งต่อกิจการให้กับรุ่นลูกหลาน ขณะที่ร้อยละ 98 ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการประสบความสำเร็จในการประกอบกิจการ สามารถคืนเงินกู้ธนาคารได้อย่างครบถ้วน และมีเพียงร้อยละ 2 ที่มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการ เช่น เจ็บป่วย เสียชีวิต ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนมาโดยตลอด