สกพอ. ผนึกกำลัง 4 ภาคีเอกชน สร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ทุกคนมีส่วนร่วม
สกพอ. ร่วมกับ 4 หน่วยงานภาคีเอกชน สร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ทุกคนมีส่วนร่วม และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเชิงบวก เพื่อการพัฒนา EEC อย่างยั่งยืน
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ 4 หน่วยงานเอกชน ได้แก่ นายทินกร ลาวัณย์เสถียร ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง, นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, นายมงคล พฤกษ์วัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย คลีน อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด และนายบดินทร์ อุดล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water
การลงนามครั้งนี้ จัดขึ้นบนเวทีย่อย Mini Stage งาน EEC Expo 2025 เพื่อสร้างกลไกขับเคลื่อนการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเชิงบวกในพื้นที่ อีอีซี หัวใจสำคัญของความร่วมมือ คือการเชื่อมโยงนักลงทุน - ผู้ประกอบการ - ชุมชน ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างสมดุล โดยยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน และ SME ส่งเสริมการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ตลาดในประเทศและต่างประเทศ เปิดช่องทางตลาดใหม่พร้อมการสนับสนุนด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ และการจัดจำหน่าย และที่สำคัญคือ ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG และธรรมาภิบาล เพื่อความยั่งยืน
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวถึง ความสำคัญของ MOU ว่า ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความร่วมมือ แต่จะเป็นการสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ทุกคนได้ประโยชน์อย่างเป็นธรรม โดย สกพอ. ต้องการเห็นนักลงทุน ผู้ประกอบการ และชุมชนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เกิดเศรษฐกิจใหม่ที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ต่อยอดเพิ่มมูลค่าจากฐานทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่น การเสริมสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ และร่วมกันสร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของพื้นที่ อีอีซี ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยสกพอ. จะทำหน้าที่เป็น ตัวกลางเชื่อมโยงนักลงทุนกับชุมชนและผู้ประกอบการ พร้อมใช้มาตรการสนับสนุน สิทธิประโยชน์ และการอำนวยความสะดวกจากภาครัฐ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนที่สร้างผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน ด้วยพลังความร่วมมือครั้งนี้ พื้นที่และชุมชนในอีอีซีจะไม่เพียงเป็นจุดหมายการลงทุนเท่านั้น แต่จะกลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาที่สร้างโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
