แบร์บริค มุมน่ารัก ของดีเจ.พี่ฉอด
ทำงานหนักและเหนื่อยกับบทบาทของผู้บริหาร ของสะสมน่ารักเหล่านี้ช่วยให้ผ่อนคลายได้
ทำงานบริหารอย่างหนักหน่วงกับภาระหน้าที่มากมายในบริษัทแกรมมี่มายาวนาน ดีเจ.พี่ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา รองประธานกรรมการบริหารบริษัทจีเอ็มเอ็มชาแนลเทรดดิ้ง และ ซีอีโอบริษัท CHANGE 2561 มีมุมผ่อนคลายหายเหนื่อย ที่เต็มไปด้วย ตุ๊กตา แบร์บริค (Bearbrick) ที่แสนน่ารัก ดีเจ.พี่ฉอดเล่าว่า ตุ๊กตาเหล่านี้มีทั้งที่ห้องทำงาน และที่บ้าน ถามถึงจำนวน เธอตอบว่าไม่เคยนับ และ ไม่อยากนับ เพราะนั้นหมายถึงจำนวนเงินไม่น้อยที่จ่ายไปเพื่อแลกกับเจ้าตุ๊กตาเหล่านี้
“เรื่องของเรื่องคือตุ๊กตาตัวแรกเพื่อนพี่เอส(วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) เค้ามีร้าน แล้วเค้าก็ให้มา ตัวแรกเราก็โทษมันว่า มันเป็นตุ๊กตาหมีกวัก มันก็เลยกวักเพื่อนมาเต็มเลย ถ้าถามว่าชอบตัวไหนมากที่สุด จริงๆ พี่ชอบหมีสายแบ๊วจะเก็บไว้ที่บ้าน แต่ก็มีซีรีย์สตาร์วอร์บ้าง จะมีเอลวีส (เพรสลีย์) วงเดอะบิทเทิล และในภาคของดนตรีทั้งหลายเพราะเราชอบสายดนตรีอยู่แล้ว ที่บ้านยังมีซีรีย์ของซุปเปอร์แมน วอนเดอร์วูแมน ก็จะเป็นอีกหมวดหมู่หนึ่ง ตุ๊กตาเหล่านี้มีทั้งไปซื้อที่เมืองนอกญี่ปุ่น ฮ่องกง และสั่งมาก็มี และมีคนให้มาบ้าง”
สะสมแบร์บริคมาได้ไม่นานมาก แต่ก็มีมากจนล้นเกือบไม่มีที่เก็บ ดีเจ.พี่ฉอด ยอมรับว่า พอได้เริ่มมีแล้วมันหยุดซื้อไม่ได้ เช่นถ้าเริ่มมีแบร์บริคสตาร์วอร์ซัก 1 ตัว ต่อมามีสตาร์วอร์ตัวใหม่ออกมาเรื่อยๆ เห็นแล้วก็อยากได้เพราะไหนๆก็สะสมแล้ว
“เราก็เริ่มรู้สึกว่ามีตัวนี้แล้วก็ต้องมีตัวนั้นด้วย มันก็จะมีออกมาเรื่อยๆๆๆ อย่างเช่นซีรีย์มิกกี้เมาท์ ก็จะมีออกมาหลายรุ่นปีนี้ รุ่นปีนั้น มีทั้งมิกกี้เมาท์หน้ายิ้ม มิกกี้เมาท์หน้าไม่ยิ้ม เราก็พยายามจะไม่ซื้อ แต่แล้วก็ซื้อมาจนได้ อายจัง(ยิ้มเขินๆ) มีกี่ตัวไม่กล้านับเพราะนับแล้วมันต้องคูณตังค์ไปด้วยไม่อยากรู้ ตุ๊กตาแบร์บริค ก็มีหลาย Size เริ่มตั้งแต่ตัวใหญ่สูง 7 cm ตัวจิ๋วๆ พี่ก็มีเยอะมากเก็บไว้ที่คอนโด จนแทบไม่มีที่อยู่แล้ว ถ้ายังไม่หยุดซื้อคงต้องซื้อบ้านใหม่เพื่อให้หมีอยู่ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น”
ตุ๊กตาที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นเหล่านี้เป็นของสะสมที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากใครหลงใหลในการสะสมของเล่นเป็นชีวิตจิตใจ ซื้อแบร์บริคถือว่าไม่สูญเงินเปล่า หมีตัวเล็กๆที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายตัวต่อเลโก้มีอิทธิพลจนกระทั่งไปปรากฎกายทั่วโลก ทั้งแบบธรรมดาๆ แบบซีรีย์ยอดมนุษย์ กลายเป็นหมีอมตะที่แฝงกายไปได้ทุกโมเม้นท์
“แบร์บริคที่ออกมาใหม่ๆจะมีราคาตั้งต้นอยู่ประมาณหนึ่ง จากนั้นราคาตัวเดียวกันนี้ก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ๆๆ ถ้าเราซื้อตั้งแต่ราคาไม่แพงมาก ก็จะมีกำไร แต่นี่ซื้อมาไม่คิดว่าจะขายต่อ ถ้าเราคิดว่าซื้อมาแล้วได้กำไรก็จะเป็นการหลอกตัวเอง อย่างพี่เอส(วรฤทธิ์) บอกว่านี่ไงๆ ตัวนี้ตอนนี้ราคาขึ้นแล้ว ก็เป็นการหลอกตัวเองให้ดีใจ ความจริงแล้วไม่เคยคิดจะขายก็จบไม่ต้องหลอกตัวเอง พี่เอสเค้าก็สะสมเหมือนกัน แต่จะเป็นสายโหด แล้วเล่น Sizeใหญ่ด้วย ของพี่เป็นสายแบ๊ว มีทั้งโดราเอมอน โดราเอมี่ ฯลฯ และชอบ Size เล็กมากกว่า ทุกห้องจะมีแบร์บริคหมดยกเว้นห้องนอน ส่วนพี่เอสนี่เล่น Size ใหญ่เก็บไว้ทุกห้องแม้แต่ห้องนอนก็มีหมียืนทมึนอยู่เต็มห้อง”
แม้ใจสั่งว่าให้หยุดซื้อได้แล้ว ทว่ายังมีผู้ส่งแบร์บริคคอลเลคชั่นใหม่ๆ มาให้ดูเรื่อยๆ พอเจอคอลเลคชั่นที่ถูกใจก็อดสั่งซื้อไม่ได้ทุกที ขณะนี้กำลังรอ แบร์บริคไจแอ้น และ โดราเอมี่ สั่งไปแล้วยังไม่ได้ของ
“เราชอบโดราเอมอนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็จะซื้อแต่ที่เราชอบ ส่วนโดราเอมอนตัวใหญ่นี้ ใครๆก็จะมาถ่ายรูปด้วย ณเดชน์ (คูกิมิยะ)มาที่นี่ ก็ถ่ายรูปกับโดราเอมอนตัวนี้ ส่วนการดูแลก็คงเหมือนคนสะสมของทั่วไป เช็ดถูทำความสะอาด ย้ายมุมไปตั้งตรงโน้นตรงนี้ เวลาทำงานนั่งมองตุ๊กตาเหล่านี้แล้วก็มีความสุขดี มีตุ๊กตาชุดอารมณ์ดี (มีสไปเดอร์แมน, ปิกาจูฯลฯไม่ใช่แบร์บริค)ด้วยนะ เวลาเครียดๆ เจอกับตุ๊กตาชุดนี้แล้วอารมณ์จะดีขึ้นมาทันที”
มองเห็นตุ๊กตาชุด My First Baby Bearbrick ที่ลำตัวโปร่งใสมองเห็นไข่กลมๆในท้องมากมาย ในมือของตุ๊กตาหมีมีแบร์บริคตัวน้อย รู้สึกถึงความเป็นแม่ที่แสนอบอุ่น แต่ละคอลเลคชั่นมีหลากหลาย Size ดีเจ.พี่ฉอดว่าสิ่งเดียวที่เป็นห่วงคือ....เวลาที่เธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วเกรงใจผู้ที่รับภาระดูแลตุ๊กตาเหล่านี้จัง
“ความจริงก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่เคยคิดจะสะสมอะไร เพราะเราเป็นคนขี้เกรงใจ คิดว่าถ้าเราตายไป ลูกหลานจะลำบาก คนที่อยู่กับเราเค้าอาจจะไม่ได้ชอบ พอเราไม่อยู่เค้าจะขายก็เกรงใจเราไม่กล้าขาย แต่อย่างที่บอก พอเห็นมันน่ารักดีเริ่มเก็บมาเรื่อยๆๆๆ ก่อนหน้านั้นเวลาไปเมืองนอกก็จะชอบดูของน่ารักๆแบบนี้อยู่แล้ว แต่ดูเฉยๆไม่อยากสะสม เพราะไม่อยากมีภาระ คิดว่าเวลาย้ายบ้านคงลำบาก จนมาเจอแบร์บริคนี่แหละมันล่อใจมากๆ”
ทุกวันนี้แม้จะบอกตัวเองว่าหยุดได้แล้ว แต่ก็ยังซื้อ ทว่าซื้อเฉพาะตัวที่ชอบมากๆเท่านั้น ในส่วนของงานนั้นดีเจ.พี่ฉอดเล่าว่าเพิ่งเริ่มต้นงานของ บริษัท CHANGE 2561 ได้ 4 เดือน กำลังสนุกกับงานใหม่สไตล์ที่คุ้นเคยไม่ได้หลีกหนีจากงานที่เคยทำมา และงานที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดก็คือ”รายการวิทยุคลื่นกรีนเวฟ 106.5 FM” และ “คลับฟรายเดย์ ” ถือได้ว่าเป็น DNA ของดีเจ.พี่ฉอดเลยก็ว่าได้