พท.จี้7ข้อปราบสแกมเมอร์ โวโมเดล 3ตัดพท.ได้ผล ท้างัดหลักฐานสินบน40ล้าน

พท.จี้7ข้อปราบสแกมเมอร์ โวโมเดล 3ตัดพท.ได้ผล ท้างัดหลักฐานสินบน40ล้าน

พท.จี้7ข้อปราบสแกมเมอร์ โวโมเดล 3 ตัด รัฐบาล‘แพทองธาร’ได้ผลจริง ท้า‘ไชยชนก’ พเปิดหลักฐานสินบน 40 ล้าน ไม่ต้องรอ 30 วัน

ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงกรณีการปราบปรามสแกมเมอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ว่า ปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเห็นผลเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว กลับมาเป็นปัญหาสำหรับพี่น้องประชาชน และประเด็นใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง สืบเนื่องจากกรณีที่มีการกดดันจากสหรัฐสหราชอาณาจักร และเกาหลีได้ เดินหน้าปราบปรามติดตามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า พรรค พท. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามขบวนการกล่าวเพื่อไม่ให้ประเทศไทยส่วนหนึ่งของอาชญากรรม ดังนี้

1.ดำเนินมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย จีน เมียนมา ที่สำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร 

2.กลับมาเข้มงวดเรื่องการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเอาคนไทยข้ามไป และการลักลอบหนึกลับเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย

3.เร่งสานต่องานจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ระดมความร่วมมือจากนานาประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขขั้นเด็ดขาดช่วยเหลือเหยื่อกลับบ้าน 

4.เจรจากดดันเพื่อให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขข้อที่ 3 คือ การร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไข 4 ข้อเดิมตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร เคยเสนอไว้ ผ่านการลงนามข้อตกลงสันติภาพในการประชุมอาเซียนซัมมิท วันที่ 25 ต.ค.นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

5.ให้รัฐบาลกลับมาจริงจังเรื่องของการระงับบัญชีม้า และซิมที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าเกี่ยวข้อง ตลอดจนการปราบปรามเว็บพนันและเว็บหลอกลวงผิดกฎหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ในประเทศ โดยในรัฐบาลชุดที่แล้วก็ได้ไช้มาตรการนี้ในการระงับบัญชีม้ากว่า 5 แสนบัญชี และป้องกันการสูญเสียได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท

6.เร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) ป้องกันและปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์และพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล

7.ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ที่ได้ตั้งขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อเป็น One Stop Service ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงออนไลน์แบบแร่งด่วน เพื่อให้เรื่องร้องทุกข์ เรื่องระงับธุรกรรมทางการเงิน และเรื่องการประสานงานกับธนาคารและตํารวจไซเบอร์กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง

“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาชาชายแดนไทย- กัมพูชา แบบหวังผลจริง ด้วยการเดินหน้ามาตรการปราบปรามสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ให้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการกดดันกัมพชาเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างถูกต้อง ไม่ได้เพียงแต่ทำงานตามกระแสเพียงเพื่อหวังคะแนนนิยม และผลทางการเมืองเท่านั้น” นายประเสริฐ กล่าว

ส่วนที่ทั่วโลกพยายามกดดันกัมพูชา พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านจะถือ เป็นหนึ่งในข้อเสนอของพรรค  จึงเป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะแสดงจุดยืน ในการร่วมมือกับนานาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐฯ อังกฤษ และเกาหลีใต้ที่ได้ดำเนินการแล้ว ก็อยากให้ประเทศไทยได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน 

เช่นเดียวกับกรณีของนายเบน สมิธ  อะไรที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้เลย และรัฐบาลต้องตรวจสอบ โดยสมัยตนเป็นรัฐมนตรี ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการรายงานมา  ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว หากมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ก็เปิดเผยออกมาได้เลย จะได้ช่วยกันดู

ส่วนกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาแฉการสภาฯ ว่า 40 ล้านบาทมีบุคคลยื่นสินบน จำนวน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำว่า สมัยตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ 2 ปี ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องนี้เลย แต่รัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่เคยมานั่งในตำแหน่งเลย กลับมีคนมาเสนอเรื่องนี้แล้ว

ฉะนั้น เรื่องนี้ที่รัฐบาลบอกว่าจะปราบอย่างจริงจังและบอกว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบภายใน 30 วันนั้น ความจริงไม่ควรใช้เวลาถึง 30 วันด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้ท่านทราบดีว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล นั่นก็คือ สส. 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย และมีผู้ช่วยสส.อีกหนึ่งคน เรื่องนี้ต้นตอหาไม่ยาก