'นักรัฐศาสตร์' หนุนเปิดเวทีสาธารณะให้ 'ประชาชน' ร่วมแก้รธน.

'นักรัฐศาสตร์' หนุนเปิดเวทีสาธารณะให้ 'ประชาชน' ร่วมแก้รธน.

"วรรณภา" ห่วง ปิดทาง ประชาชน เลือก "สสร." ส่อให้ศาลกลายเป็นผู้วางเงื่อนไขการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หนุนเปิดเวทีสาธารณะให้ "ประชาชน" ร่วมทุกกระบวนการแก้รธน.  

รศ. ดร.วรรณภา ติระสังขะ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต่อประเด็นการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน 3 ครั้ง แต่ปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ว่า แม้ว่าคำวินิจฉัยจะระบุให้การออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้ แต่การกำหนดเงื่อนไขให้มีการทำประชามติถึง 3 ครั้ง อาจทำให้เกิดข้อจำกัดและการทอดเวลาของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกไป เพราะตามหลักการแล้ว การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ส่งมอบอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญจากประชาชนไปสู่รัฐสภา  ขณะที่ประเด็นที่ระบุว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ดูเป็นเหตุผลย้อนแย้งต่อนัยในการให้ความสำคัญกับเสียงประชาชน และจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นผู้วางและกำหนดเงื่อนไขในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียเอง

รศ. ดร.วรรณภา กล่าวต่อว่าเพื่อให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้ พรรคการเมือง สส.รวมถึงรัฐบาล จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือน ก.ย. โดยไม่รอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา  นอกจากนี้ กระบวนการทำงานรัฐสภายังจำเป็นต้องควบคู่กับการขับเคลื่อนนอกสภาด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และให้เกิดเสียงของการผลักดัน ขับเคลื่อนด้วยเช่นเดียวกันภายใต้กรอบเวลาที่จำกัด

นักวิชาการรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองต่อกระบวนการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า เป็นกระบวนการที่สำคัญไม่น้อยกว่าการได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นต้องเปิดพื้นที่สาธารณะให้ถกเถียงในประเด็นโครงสร้างของสถาบันการเมือง  ผลประโยชน์สาธารณะ สิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนตลอดกระบวนการ การสร้างดุลยภาพทางการเมืองของสถาบันทางการเมือง เพื่อให้เกิดฉันทามติทุกภาคส่วนในการออกแบบประเทศใหม่ร่วมกัน